เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุสมาชิกกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ “โบโกฮารัม” สังหารชาวบ้านจำนวน 15 รายใกล้กับเมือง “ไมดูกูรี” ในไนจีเรีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธาน ผู้นำไนจีเรีย เริ่มการรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงเก้าอี้ผู้นำอีกสมัยในวันเสาร์ (24 ม.ค.)
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงและชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า เหตุสังหารโหดดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (23) ที่หมู่บ้านกัมบารี ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไมดูกูรีไม่ถึง 5 กิโลเมตร โดยกลุ่มคนร้ายที่คาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มโบโกฮารัมได้ลงมือสังหารชาวบ้านจำนวน 15 คนก่อนจะจุดไฟเผาหมู่บ้านจนวอด
ทั้งนี้ เมืองไมดูกูรีและพื้นที่โดยรอบซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย กลายเป็นพื้นที่ซึ่งเกิดการโจมตีจากกลุ่มโบโกฮารัมบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ที่กลุ่มหัวรุนแรงซึ่งมีจุดหมายในการสถาปนารัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในไนจีเรีย เริ่มก่อเหตุโจมตีเมื่อปี 2009
เหตุโจมตีระลอกล่าสุดเกิดขึ้นในจังหวะเวลาไล่เลี่ยกับที่ประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธาน ผู้นำไนจีเรียเริ่มการรณรงค์หาเสียงที่เมืองไมดูกูรีเพื่อชิงเก้าอี้ผู้นำอีกสมัยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยโจนาธานซึ่งเป็นชาวคริสต์และมีพื้นเพมาจากทางภาคใต้ของประเทศ จะต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ จากการชิงชัยกับคู่แข่งอย่างโมฮัมมาดู บูฮารี อดีตนายทหารชื่อดังซึ่งเป็นชาวมุสลิมและได้รับความนิยมจากประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (20 ม.ค.) ผู้แทนจากหลายประเทศในแอฟริกาตะวันตกเข้าร่วมการประชุมสุดยอดในระดับภูมิภาคที่ประเทศไนเจอร์ เพื่อหารือถึงแนวทางในการยับยั้งภัยคุกคามจากกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ “โบโกฮารัม” ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่องทั้งในไนจีเรียและแคเมอรูน
โดยโมฮาเหม็ด บาซูม รัฐมนตรีต่างประเทศของไนเจอร์ ในฐานะเจ้าภาพของการประชุม เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงนิอาเมย์ เมืองหลวงของประเทศ โดยระบุว่าการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่มโบโกฮารัมในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อภูมิภาค และสะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลของประเทศต่างๆในแถบนี้ ดำเนินมาตรการตอบโต้ภัยคุกคามนี้ได้อย่างล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพ จนมีแนวโน้มที่ความรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มหัวรุนแรงนี้จะไหลล้นออกจากไนจีเรีย ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโกฮารัมซึ่งเริ่มปะทุขึ้นเมื่อปี 2009 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งในไนจีเรียและแคเมอรูนไปแล้วมากกว่า 13,000 คน ขณะที่ประชาชนอีกไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรียต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตน