รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประชาชนชาวไนจีเรียจำนวนหลายพันคน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศต่างตบเท้าเดินทางออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันเสาร์ (28 มี.ค.) ที่จัดขึ้นภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ท่ามกลางคำขู่ของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” ที่ระบุจะระเบิดหน่วยเลือกตั้งและสังหารผู้มาใช้สิทธิ
รายงานข่าวระบุว่า มือปืนที่คาดว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มโบโก ฮารัม ได้ก่อเหตุสังหารผู้ที่เดินทางออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งไปแล้วอย่างน้อย 14 คน รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้านรายหนึ่งในการโจมตีซึ่งเกิดขึ้น 3 จุด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย
หนึ่งในจุดที่เกิดการโจมตีในวันเสาร์ (28) คือ หมู่บ้านโวรู ในรัฐกอมเบ และที่เขตเอ็นกัลดาของรัฐโยเบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อยจุดละ 3 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวบ้านที่เดินทางออกมาใช้สิทธิ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยของทางการที่มีการระดมกำลังทหารและตำรวจเข้ารักษาความปลอดภัยตามคูหาเลือกตั้งต่างๆ
การเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ (28) ถูกเลื่อนมาถึง 6 สัปดาห์จากกำหนดเดิมเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ จากความกังวลว่ากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ดังกล่าวจะก่อเหตุรุนแรงเพื่อขัดขวางการเลือกตั้ง และตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากองกำลังของไนจีเรียและหลายชาติในภูมิภาค ทั้งชาด แคเมอรูน ไนเจอร์ ต่างเปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อกวาดล้างกลุ่มโบโก ฮารัมและทำการยึดคืนพื้นที่จากกลุ่มหัวรุนแรง
จนถึงขณะนี้ คณะกรรมการเลือกตั้งไนจีเรียได้ประกาศขยายวันเลือกตั้งออกไปอีก 1 วันในวันอาทิตย์ (29) หลังเกิดปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับระบบบันทึกการใช้สิทธิ์ในหลายหน่วยเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโก ฮารัม ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายพันคน ขณะที่ประชาชนอีกราว 1.5 ล้านคน ต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตน โดยรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธานถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความล้มเหลวในการรับมือภัยคุกคามจากกลุ่มอิสลามิสต์ดังกล่าว