สถานการณ์ความไม่สงบในไนจีเรียกลายเป็นกระแสที่ทั่วโลกเฝ้าติดตามอีกครั้งในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ โบโก ฮารัม ได้ลักพาตัวนักเรียนหญิง 200 กว่าคนไปจากโรงเรียนแห่งหนึ่งเมื่อกลางเดือนเมษายน สร้างความตื่นตะลึงต่อนานาชาติ และนำมาซึ่งเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรียเร่งหาทางช่วยเหลือตัวประกันหญิงเหล่านั้นออกมา
เมื่อวันที่ 14 เมษายน กลุ่มติดอาวุธ โบโก ฮารัม ซึ่งต่อสู้เพื่อสถาปนาระบอบปกครองรูปแบบรัฐอิสลามขึ้นในไนจีเรีย ได้บุกโจมตีโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในเมืองชีบอค รัฐบอร์โน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับชายแดนแคเมอรูน ซึ่งมีชุมชนชาวคริสต์อาศัยอยู่มากพอสมควร และได้ลักพาตัวเด็กนักเรียนหญิงจำนวน 276 คน แต่ระหว่างนั้นก็มีตัวประกันราว 50 คนหลบหนีออกมาได้ ขณะที่ตำรวจระบุว่า จนถึงตอนนี้ยังหาเด็กหญิงไม่พบอีก 223 คน
เหตุการณ์ผ่านมาจนถึงวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม อบูบาการ์ เชเกา หัวหน้ากลุ่ม โบโก ฮารัม ก็ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกภาพเด็กสาววัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่อ้างว่าเป็นเด็กนักเรียนหญิง 130 คน จากทั้งหมด 276 คนที่พวกเขาลักพาตัวมา โดยยืนยันว่าจะไม่ปล่อยตัวประกันจนกว่ารัฐบาลไนจีเรียจะยอมปลดปล่อยสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ถูกจับกุมก่อนหน้านั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
เชเกา ซึ่งเคยใช้วิธีจับคนเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับรัฐบาลมาก่อน บอกต่อว่า นักเรียนหญิงบางส่วนซึ่งนับถือคริสต์ถูกบังคับให้รับศาสนาอิสลามเรียบร้อยแล้ว
คาชิม เชตติมา ผู้ว่าการรัฐบอร์โน ยืนยันว่าเด็กหญิงทุกคนที่ปรากฏในคลิปวิดีโอเป็นนักเรียนที่ถูกลักพาตัวไปจากโรงเรียนในเมืองชีบอคเมื่อเดือนเมษายนจริง
ในเบื้องต้น ทางการไนจีเรียออกมาปฏิเสธเงื่อนไขของหัวหน้ากลุ่ม โบโก ฮารัม โดย อัลลา โมโร รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยไนจีเรีย ชี้ว่า “โบโก ฮารัม ไม่ควรเป็นฝ่ายที่ตั้งเงื่อนไข” และรัฐบาลพร้อมที่จะใช้ทุกปฏิบัติการเพื่อคืนอิสรภาพแก่เด็กสาวเหล่านั้น แม้จะต้องใช้กำลังทหารภายใต้ความช่วยเหลือของต่างชาติก็ตาม
ทว่าต่อมาในวันอังคาร (13) รัฐบาลประธานาธิบดี กู๊ดลัค โจนาธาน แห่งไนจีเรีย ก็เปลี่ยนไปใช้ท่าทีรอมชอมมากขึ้น โดยประกาศว่า พร้อมที่จะเจรจากับ โบโก ฮารัม เพื่อแลกกับอิสรภาพของตัวประกัน
ทานิมู ทารูกิ รัฐมนตรีซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี โจนาธาน ให้ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการไกล่เกลี่ยกับกลุ่ม โบโก ฮารัม ชี้ว่า หาก เชเกา มีความจริงใจก็ควรส่งตัวแทนมาพบกับคณะกรรมการประนีประนอมที่พร้อมเจรจาด้วยอยู่แล้ว และการเจรจาควรจะเป็นทางเลือกหลักในการยุติปัญหาโดยปราศจากความรุนแรง
สัญญาณประนีประนอมจากรัฐบาลไนจีเรีย มีขึ้นท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกให้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กหญิงเหล่านั้นอย่างเร่งด่วน
การกระทำที่อุกอาจของกลุ่ม โบโก ฮารัม ในครั้งนี้ทำให้นานาชาติไม่อาจนิ่งเฉย โดยสหรัฐฯได้ส่งอากาศยาน “แบบมีนักบินควบคุม” ไปยังไนจีเรีย และมอบภาพถ่ายจากดาวเทียมพาณิชย์เพื่อช่วยตามหาเด็กนักเรียนที่ถูกลักพาตัวไป ต่อมา พล.อ.เดวิด โรดริเกซ ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำทวีปแอฟริกา ยังได้เดินทางไปยังกรุงอาบูจา เพื่อหารือว่าสหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยในภารกิจค้นหา ตลอดจนให้ความร่วมมือในภาพรวมได้อย่างไรบ้าง
รัฐบาลอังกฤษได้ส่ง มาร์ก ซิมมอนส์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการทวีปแอฟริกาไปยังกรุงอาบูจาในวันพุธ (14) ส่วนฝรั่งเศสก็เตรียมจัดการประชุมสุดยอดผู้นำที่มุ่งประเด็นสำคัญไปที่ภัยคุกคามจากกลุ่ม โบโก ฮารัม และได้เชิญเหล่าผู้นำชาติแอฟริกาอย่างน้อย 5 ประเทศเข้าร่วม รวมถึงไนจีเรียด้วย
แม้แต่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ มิเชล โอบามา ก็เป็นห่วงวิกฤตตัวประกันในไนจีเรียถึงขั้นขอเวลาในรายการพบปะประชาชนของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ทางสถานีวิทยุเมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม เพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งช่วยเหลือนักเรียนหญิงผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น
“เช่นเดียวกับประชาชนหลายล้านคนทั่วโลก ดิฉันและสามีรู้สึกเจ็บแค้นและปวดใจกับการลักพาตัวนักเรียนหญิงชาวไนจีเรียกว่า 200 คนไปจากเรือนนอนของพวกเธอกลางดึก... การกระทำที่ไร้สามัญสำนึกนี้เป็นฝีมือกลุ่มก่อการร้ายที่ไม่ต้องการให้พวกเธอได้รับการศึกษา พวกเขาเป็นชายฉกรรจ์ที่พยายามจะยื้อแย่งแรงบันดาลใจไปจากเด็กสาว” มิเชล กล่าว
ชัยค์ อับดุลอาซิส อัล-ชัยค์ ประธานคณะตุลาการศาลฎีกาอิสลาม (แกรนด์มุฟตี) แห่งซาอุดีอาระเบีย ก็ได้ออกถ้อยแถลงตำหนิ โบโก ฮารัม ว่า “ทำให้ภาพลักษณ์ของอิสลามเสื่อมเสีย” และชี้ว่าการเคลื่อนไหวแบบสุดโต่งของ โบโก ฮารัม เกิดจากความหลงผิด และสมควรได้รับการชี้แนะให้ละเลิกแนวทางนี้เสีย
ล่าสุด ประธานาธิบดี โจนาธาน ยืนกรานเมื่อวันพุธ (14) ว่าจะไม่รับข้อเสนอของหัวหน้ากลุ่ม โบโก ฮารัม ที่ต้องการให้รัฐบาลปล่อยตัวนักรบอิสลามิสต์เพื่อแลกกับอิสรภาพของนักเรียนหญิง 200 กว่าคน แต่ยังยินดีที่จะเจรจากับกลุ่มติดอาวุธในประเด็นอื่นๆ เพื่อยุติเหตุรุนแรง
โบโก ฮารัม ก่อเหตุความไม่สงบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2009 โดยมีเป้าหมายในการรื้อฟื้นระบบการปกครองแบบคอลีฟะห์ขึ้นในไนจีเรีย ที่ซึ่งประชากรราว 170 ล้านคนแบ่งออกเป็นชาวคริสต์และมุสลิมราวครึ่งต่อครึ่ง การก่อเหตุโจมตีของนักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ยังถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงร้ายแรงที่สุดสำหรับประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับหนึ่งของแอฟริกา และกำลังแผ่ลามออกไปสู่ประเทศใกล้เคียง เช่น แคเมอรูน, ไนเจอร์ และชาด
