เอเอฟพี /เอเจนซีส์ - เรือยอชต์คาตามารันที่บรรทุกนักท่องเที่ยวเกือบร้อยชีวิต และลูกเรืออีก 10 คน ล่มและจมห่างจากฝั่งคอสตาริกาไปไม่กี่นาทีเมื่อวานนี้ (8 ม.ค3.) ยอดตัวเลขเสียชีวิตล่าสุด 3 รายซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ในขณะที่ผู้รอดชีวิตเล่าประสบการณ์ระทึกว่า ไม่ได้รับแจกเสือชูชีพจนกระทั่งเกือบจะวินาทีสุดท้าย และปล่อยให้นักท่องเที่ยวลอยคออยู่ในทะเลหลังเรือล่ม
เอเอฟพีและเดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานวันนี้ (9) ถึงเหตุเรือสำราญคาตามารันที่บรรทุกนักท่องเที่ยวจำนวน 99 คน และลูกเรืออีก 10 คนล่มนอกฝั่งคอสตาริกาใกล้กับหาดปันตา ลีโอนา (Punta Leon) หลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปเมื่อวานนี้ (8) และทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย คือหญิงชาวอเมริกันวัย 68 ปี หญิงชาวแคนาดาวัย 70 ปี และชายชาวอังกฤษวัย 80 ปี รองประธานาธิบดีหญิงคอสตาริกา แอนา เฮเลนา ชาคอน กล่าว
นอกจากนี้ ผู้สูญหาย 4 รายก่อนหน้านี้ถูกพบ และคนรอดชีวิตจำนวน 106 ราย อยู่ในสภาพแข็งแรง โดยชาคอนกล่าวว่า “ถือเป็นวันแห่งความเศร้าของคอสตาริกา ซึ่งประเทศเราได้ชื่อว่าเป็นแหล่งสวรรค์ของนักท่องเที่ยว”
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้คอสตาริกาต้องประสบกับสภาพลมพัดแรงจัด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติคอสตาริกาแถลง ด้านกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะคอสตาริกากล่าวว่า ได้ช่วยเหลือผู้โดยสาร โดยนำตัวคนจำนวน 57 คน ไปยังเมืองริมทะเลเฮอร์ราดูรา (Herradura) และอีก 40 คนถูกเคลื่อนย้ายไปยังเมืองท่า คาลเดรา (Caldera.)
เหยื่อผู้รอดชีวิตต่างเล่าถึงประสบการณ์เลวร้ายที่ได้รับว่า ได้รับการแจกจ่ายเสื้อชูชีพในวินาทีเกือบท้ายๆก่อนเรือจะอับปาง ที่เกิดเพราะกระแสลมพัดแรงจัด และทำให้เรือจมอย่างรวดเร็ว
สเตลลา ฮอปกินส์ ชาวอาร์เจตินา ผู้โดยสารและภรรยาของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คาดว่าเรือจะหันหัวกลับเพราะท้องทะเลปั่นป่วนมาก แต่ในที่สุดลูกเรือตัดสินใจที่จะแล่นเรือต่อไป “ลูกเรือไม่ได้แจกเสื้อชูชีพให้กับพวกเราจนกระทั่งในวินาทีท้ายๆก่อนที่เรือจะล่ม” ฮอปกินส์กล่าว
ทั้งนี้ ฮอปกินส์ไม่เห็นสามีชาวอังกฤษของเธอจนกระทั่งเธอถูกนำตัวไปยังเรือช่วยชีวิต ที่มีร่างที่ไร้ชีวิตของสามีนอนสงบอยู่ที่นั่น
จากรายงานพบว่า เรือยอร์ชคาตามารันลำนี้แล่นออกจากลอส ซูเอโนส (Los Suenos) จากฝั่งแปซิฟิกของคอสตาริกาเพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะตอร์ตูกา (Tortugar) เฮติ ซึ่งเป็นจุดที่เรือล่มห่างจากชายฝั่งราว 15 กม. ซึ่งสื่ออังกฤษรายงานว่า จากเว็บไซต์เจ้าของเรือยอร์ชคาตามารันพบว่า ทริป 1 วันเดินทางไปยังเกาะตอร์ตูการ์ตกราว 125 ดอลลาร์ รวมถึงอาหารระหว่างมื้อ การดำน้ำ รวมถึงบาร์แบบเปิด
“ลมพัดแรงจัดทำให้เรือเสียหลักและล่ม และแล้วน้ำทะเลก็เริ่มไหลเข้าไปภายในตัวเรือ ผู้โดยสารบนเรือต่างรีบหนีไปอีกด้านเพื่อทำให้เรือสมดุล แต่วิธีนี้กลับใช้ไม่ได้ผล เพราะเรือสำราญล่มภายในไม่กี่เสี้ยวนาทีข้างหน้า อาร์เซลิโอ การ์เซีย นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันให้สัมภาษณ์
ในขณะที่นักท่องเที่ยวหญิงอีกรายเล่าประสบการณ์โหดร้ายที่เกิดขึ้นผ่านทางโทรทัศน์ท้องถิ่นคอสตาริกาว่า “เราถูกปล่อยให้ลอยคอพร้อมเสื้อชูชีพในทะเล ผู้โดยสารจำนวนมากต่างร้องไห้ด้วยความกลัว หรือไม่ก็ตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือ”
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศอังกฤษเปิดเถลงว่า “ทางกระทรวงรับทราบถึงเหตุเรือยอร์ชล่มนอกฝั่งคอสตาริกา และมีนักท่องเที่ยวพลเมืองอังกฤษเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ซึ่งทางเราได้ประสานงานใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และได้ให้บริการทางกงสุลแก่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ”
หลังจากเรือยอชต์นักท่องเที่ยวล่ม เรือชาวบ้านในบริเวณนั้นได้เข้าให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขึ้นจากน้ำจนกระทั่งเรือหน่วยกู้ภัยคอสตาริกามาถึง
ด้านกระทรวงคมนาคมคอสตาริกาแถลงว่า เรือยอชต์ลำนี้เป็นของบริษัท ปูรา วีดา พรินเซส และเป็นเรือรุ่นปี 2007 ที่ได้รับอนุญาตให้บรรทุกผู้โดยสาร 120 คน และลูกเรือ 10 คน และดูเหมือนว่าเรือสำราญคาตามารันจะมีจำนวนอุปกรณ์เสื้อชูชีพและเรือกู้ภัยเพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว
จากสถิติของบอร์ดการท่องเที่ยวคอสตาริกาชี้ว่า ในปี 2013 นักท่องเที่ยวจำนวน 2.4 ล้านคนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน ซึ่งคอสตาริกาถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัยมากที่สุดในแถบละตินอเมริกา