เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือขู่คำรามว่าจะถล่มทั้งทำเนียบขาว เพนตากอน และทั่วแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ เป็นการตอบโต้ หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมากล่าวทางรายการทีวีซึ่งออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (21 ธ.ค.) ยืนยันว่าโสมแดงอยู่เบื้องหลังการแฮกระบบคอมพิวเตอร์ของโซนี่ พิคเจอร์ส พร้อมระบุว่ากำลังพิจารณามาตรการสั่งสอนเปียงยาง ซึ่งรวมถึงการขึ้นบัญชีดำเป็นประเทศสนับสนุนการก่อการร้ายอีกครั้ง ขณะที่ทางจีนประกาศจุดยืนในวันจันทร์ (22) ต่อต้านการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ แต่งดพาดพิงโดยตรงถึงกรณีโซนี่และโสมแดง
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า ระหว่างหารือกับจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ (21) หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของแดนมังกร ยืนยันจุดยืนของปักกิ่งในการต่อต้านการที่บุคคลหรือประเทศใช้สิ่งอำนวยความสะดวกภายในประเทศอื่นๆ เพื่อโจมตีและก่อการร้ายทางไซเบอร์ต่อประเทศที่สาม
อย่างไรก็ตาม คำแถลงนี้ไม่ได้ระบุถึงเกาหลีเหนือโดยตรง
จีนนั้นเป็นพันธมิตรสำคัญหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ จึงถือเป็นศูนย์กลางความพยายามใดๆ ของอเมริกาในการกำราบเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี วอชิงตันได้กล่าวหาปักกิ่งมาหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาว่า แอบสอดแนมทางไซเบอร์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อเมริกันเปิดเผยว่า ในการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของโซนี่ พิกเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ พวกแฮกเกอร์ซึ่งเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจน อาจใช้เซิร์ฟเวอร์จีนเพื่อเป็นการอำพรางแหล่งต้นตอซึ่งทำการโจมตี
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา และที่ปรึกษาของเขา กำลังพิจารณาลงโทษเกาหลีเหนือ หลังจากวันศุกร์ที่ผ่านมา (19) สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) สรุปว่า เปียงยางอยู่เบื้องหลังการโจมตีโซนี่
นับเป็นครั้งแรกที่วอชิงตันกล่าวหาประเทศอื่นโดยตรงว่า โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ในระดับร้ายแรงในแผ่นดินอเมริกา และกระตุ้นแนวโน้มการเผชิญหน้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ทางโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ที่มีการอัดรายการล่วงหน้าแต่นำออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ โอบามาบอกว่า ไม่คิดว่าการกระทำของเกาหลีเหนือถึงขั้นเป็นการประกาศสงคราม แต่เป็นการพยายามทำลายล้างระบบคอมพิวเตอร์ด้วยวิธีซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
“เราจริงจังกับเรื่องนี้มาก และจะตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ”
โอบามาเสริมว่า หนึ่งในตัวเลือกในการสั่งสอนโสมแดงคือ การขึ้นบัญชีเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่ให้การสนับสนุนลัทธิก่อการร้ายอีกครั้ง หลังจากถอดชื่อออกไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
หลังจากพวกแฮกเกอร์โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของโซนี่ พิคเจอร์ และนำเอาข้อมูลบางอย่างที่โจรกรรมไปได้ออกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต พวกเขายังออกคำแถลงข่มขู่โรงภาพยนตร์ที่ฉายภาพยนตร์ตลกเรื่อง “ดิ อินเทอร์วิว” ซึ่งสร้างโดยสตูดิโอแห่งนี้และมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการลอบสังหารคิม จองอึน ผู้นำโสมแดง จนทำให้เครือข่ายโรงภาพยนตร์หลายรายประกาศงดฉาย และโซนี่ต้องตัดสินใจระงับการเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ผู้เชี่ยวชาญในอเมริกาหลายรายชี้ว่า โอบามามีหลายทางเลือกในการลงโทษเกาหลีเหนือ เป็นต้นว่า การตอบโต้โจมตีกลับทางไซเบอร์ การลงโทษทางการเงิน การฟ้องร้องบุคคลที่เกี่ยวข้องในการโจมตีโซนี่ หรือกระทั่งการเพิ่มการสนับสนุนทางการทหารต่อเกาหลีใต้ ซึ่งในทางเทคนิคยังคงทำสงครามกับเกาหลีเหนือ
กระนั้น ผลจากมาตรการตอบโต้อาจมีเพียงจำกัด เนื่องจากเกาหลีเหนือถูกโดดเดี่ยวและถูกนานาชาติลงโทษอย่างหนักอยู่แล้ว สืบเนื่องจากไม่ยอมยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ขณะเดียวกัน ไมค์ โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน วิจารณ์ว่า อเมริกานั้นมีศักยภาพในการจัดการขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกาหลีเหนือเปิดการโจมตีในลักษณะเดิมอีก ทว่า โอบามากลับเดินทางไปพักผ่อนในฮาวาย 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันศุกร์ (19) ที่ผ่านมา โดยไม่ยอมสั่งการตอบโต้ใดๆ
ทางด้านเปียงยางได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอีกครั้ง ซ้ำประกาศตอบโต้หากถูกอเมริกาแก้แค้น
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่คำแถลงของคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติที่เตือนว่า ทหาร 1.2 ล้านคนพร้อมใช้อาวุธทุกรูปแบบโจมตีทำเนียบขาว กระทรวงกลาโหม และแผ่นดินใหญ่อเมริกาทั้งหมด ซึ่งถือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลัทธิก่อการร้าย
เกาหลีเหนือนั้นยืนยันว่า สามารถพิสูจน์ได้ว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโซนี่ แถมเสนอตัวร่วมสอบสวนกับวอชิงตัน
ในส่วนญี่ปุ่น หนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอเมริกาในเอเชีย โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวระหว่างแถลงข่าวตามปกติโดยประณามการโจมตีโซนี่อย่างรุนแรง แต่ไม่ได้พาดพิงเกาหลีเหนือโดยตรง และว่า กรณีนี้ไม่มีผลต่อการเจรจาระหว่างโตเกียวกับเปียงยาง เกี่ยวกับชะตากรรมของพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกโสมแดงลักพาตัวไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว