โสมแดงเสนอตัวร่วมมือสหรัฐฯ สืบกรณีโซนีถูกแฮก หลังสร้างหนังวางแผนลอบฆ่า “ผู้นำคิม”

เอเอฟพี – เกาหลีเหนือวานนี้ (20 ธ.ค.) ได้เสนอจะร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อสืบสวนกรณีแฮกเกอร์โจมตีภาพยนตร์ล้อเลียนผู้นำ “คิม จองอึน” ที่สร้างโดยโซนีพิคเจอร์ส ในขณะที่กล่าวประณามวอชิงตันว่ากำลัง “ใส่ร้ายป้ายสี” เปียงยาง หลังประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกมาขู่จะแก้เผ็ดโสมแดง

สหรัฐฯ ได้กล่าวโทษประเทศอันโดดเดี่ยวแห่งนี้ว่า ลอบจารกรรมจนเป็นเหตุให้ต้องยกเลิกการเปิดตัวภาพยนตร์เบาสมองเรื่อง "ดิ อินเทอร์วิว" ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าแผนลอบสังหารผู้นำ คิม จองอึน โดยสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) จนจุดประการให้เกาหลีเหนือเกิดความแค้นเคือง

ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของพิธีกรรายการทอล์กโชว์ และผู้อำนวยการผลิตที่สามารถนัดสัมภาษณ์ คิม จองอึน ผู้นำคนที่ 3 ของตระกูลผู้ปกครองเกาหลีเหนือได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก

จากนั้น สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ก็คัดเลือกให้ทั้งสองเป็นผู้ดำเนินปฏิบัติการลอบสังหารผู้นำโสมแดง

วานนี้ (20) มาร์ก สโตรห์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ออกมาตอกย้ำถึงสิ่งที่ทำเนียบขาวมั่นใจว่า เกาหลีเหนือคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุแฮกเกอร์ โจมตีโซนี พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า “หากรัฐบาลเกาหลีเหนือต้องการช่วยเหลือ ก็สามารถช่วยยอมรับผิด และชดเชยค่าเสียหายจากเหตุโจมตีครั้งนี้แก่โซนีด้วย”

เปียงยางได้ออกมาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ตนไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเจาะระบบและล้วงเอาข้อมูลลับอย่าง เงินเดือน ประวัติสุขภาพพนักงาน สคริปต์ซึ่งไม่เคยถูกเผยแพร่ ตลอดจนอีเมลพูดคุยระหว่างนักแสดงกับผู้ผลิตภาพยนตร์ โดยข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปตีแผ่ตามเว็บไซต์ต่างๆ เช่น gawker.com

ข้อมูลชิ้นหนึ่งซึ่งถูกเปิดโปงและทำให้ โซนี่ ต้องพยายามกอบกู้สถานการณ์โดยด่วนก็คือ คำพูดของ สก็อต รูดิน ผู้อำนวยการสร้างชื่อดังที่เอ่ยถึงดาราสาว แองเจลินา โจลี ว่า “ทำตัวเป็นเด็ก ไร้พรสวรรค์ และถูกสปอยล์จนเหลิง”



เอมี ปาสคาล หนึ่งในประธานบริหารโซนี่ ก็พลอยนั่งไม่ติดไปด้วย เมื่อข้อความอีเมล์ที่เธอเขียนวิจารณ์ประธานาธิบดีโอบามา ในเชิงเหยียดสีผิวถูกนำไปแชร์ว่อนเน็ต

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุว่า “ขณะที่สหรัฐฯ กำลังเที่ยวโพนทะนาข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และใส่ร้ายเรา เราขอเสนอตัวร่วมสืบสวนเหตุการณ์นี้ร่วมกับ (สหรัฐฯ)”

สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ของทางการโสมแดง รายงานถ้อยแถลงของโฆษกโดยระบุว่า “เรามีเครื่องมือที่ใช้พิสูจน์ได้ว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ โดยไม่ต้องอาศัยวิธีการทรมานแบบหน่วยซีไอเอของสหรัฐฯ”

โฆษกขู่ว่าจะเกิด “ผลร้ายตามมา” หากสหรัฐฯ ยังหาทางแก้แค้นเกาหลีเหนือเพราะเรื่องนี้”

ภายหลังที่สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ชี้ว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเปียงยาง โอบามาได้ออกมากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วอชิงตันจะไม่ยอมก้มหัวให้กับ “ผู้นำเผด็จการบางคน” พร้อมกับยืนยันว่า “รับรองได้ว่า เกาหลีเหนือมีส่วนในเรื่องนี้”

แม้ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะกล่าวว่า รู้สึกเห็นใจเห็นใจโซนีที่ต้องเรื่องแบบนี้ แต่ก็ชี้ว่า กิจการผู้ผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่เจ้านี้ “ทำพลาด” ที่ยกเลิกการฉายหนังเรื่องนี้

ทางด้าน โซนีได้ออกมากล่าวปกป้องการถอดภาพยนตร์เรื่องนี้ ภายหลังที่กลุ่มแฮกเกอร์นิรนาม ยกเหตุโจมตี 9/11 กันยาขึ้นมาขู่โรงภาพยนตร์ที่เตรียมฉาย ดิ อินเทอร์วิว จนกระตุ้นให้โรงหนังไม่กล้าเสี่ยงฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ และระบุว่า ยังหวังที่จะได้เผยแพร่หนังเรื่องนี้ผ่านช่องทางอื่น โดยอาจฉายตามใบสั่งของลูกค้า หรือเผยแพร่เป็นภาพยนตร์ออนไลน์ โดยไม่เก็บค่าชม