เอเอฟพี – แฮกเกอร์ที่เจาะระบบคอมพิวเตอร์ของสตูดิโอชื่อดัง โซนี พิคเจอร์ส ประกาศคำขู่ที่น่าหวาดเสียวอีกครั้ง โดยยกเหตุวินาศกรรม 9/11 มาเตือนไม่ให้ประชาชนไปดูภาพยนตร์ “ดิ อินเทอร์วิว” ซึ่งสร้างล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือ ขณะที่สหรัฐฯ ชี้ไม่มีความเสี่ยงร้ายแรงอย่างที่แฮกเกอร์พยายามประโคมข่าว
คำขู่ล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ โซนี พิคเจอร์ส กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่ม (class action) ฐานล้มเหลวในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน ซึ่งถูกพวกแฮกเกอร์ล้วงเอาไปได้เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน
สื่อในสหรัฐฯ เผยแพร่คำแถลงล่าสุดจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตนเองว่า “การ์เดียนส ออฟ พีซ” (จีโอพี) ซึ่งประกาศเริ่มต้นแจก “ของขวัญวันคริสต์มาส” เป็นอีเมล์ส่วนตัวของ ไมเคิล ลินตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โซนี
อาชญากรไซเบอร์กลุ่มนี้ยังฝากเตือนคอหนังทั้งหลายไม่ให้ไปชมภาพยนตร์ “ดิ อินเทอร์วิว” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตลกที่นำแสดงโดย เจมส์ ฟรังโก และ เซธ โรเกน และเล่าเรื่องราวสมมติเกี่ยวกับแผนลอบสังหารผู้นำ คิม จอง อึน โดยสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ)
รัฐบาลเกาหลีเหนืออ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแฮกข้อมูล โซนี แต่ก็กล่าวชื่นชมการกระทำของแฮกเกอร์
“เราจะทำให้พวกคุณเห็นในวันเวลาและสถานที่ที่ ดิ อินเทอร์วิว ถูกฉาย รวมถึงในรอบปฐมทัศน์ ว่าพวกที่เห็นการก่อการร้ายเป็นเรื่องสนุกจะต้องมีชะตากรรมที่น่าอนาถอย่างไร” คำขู่ซึ่งเขียนด้วยภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ระบุ
“อีกไม่นาน ทั่วโลกจะได้เห็นว่าภาพยนตร์เลวๆ ที่ โซนี พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ สร้างขึ้นเป็นอย่างไร และทั้งโลกจะต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว”
แฮกเกอร์ยังขู่ต่อไปอีกว่า “จงจำวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ขอเตือนให้พวกคุณอยู่ห่างจากสถานที่เหล่านั้นในเวลานั้น (ถ้าบ้านคุณอยู่ใกล้ๆ ก็ขอให้หนีออกไปเสีย)”
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเป็นเพราะความละโมบของ โซนี พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ ทั่วโลกจะต้องประณาม โซนี”
อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธคำขู่ที่ว่านี้
“เรายังไม่ได้รับข้อมูลข่าวกรองใดๆ ที่พิสูจน์ได้ว่าคำขู่นี้เป็นเรื่องจริง”เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น
“มันเป็นหนังตลกที่ดิฉันคิดว่าชาวอเมริกันอาจจะไปดูในช่วงคริสต์มาส พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเลือก... ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนมุมมองของสหรัฐฯ และไม่ใช่สารคดีแสดงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้น เราไม่ได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้มาเป็นจุดยืนของเรา”
ลินตัน ได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นต่อพนักงาน โซนี โดยยืนยันว่าสตูดิโอจะไม่ถูกทำลายเพียงเพราะข้อมูลลับถูกเปิดโปง หลังจากที่ก่อนหน้านั้นแฮกเกอร์ได้ขู่จะส่ง “ของขวัญคริสต์มาสชิ้นใหญ่” ไปให้
ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยมีกำหนดเข้าโรงฉายตั้งแต่เดือนตุลาคม และมีแนวโน้มว่าอาจจะถูกเลื่อนเปิดตัวออกไปอีก แม้ว่า โซนี จะยังไม่แถลงว่าจะยอมทำตามข้อเรียกร้องของแฮกเกอร์ที่ต้องการให้งดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม