รอยเตอร์/เอเอฟพี - นาวิกโยธินสหรัฐฯ วัย 19 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ลงมือสังหารสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ ภายหลังปิดฉากการซ้อมรบร่วมระหว่างมะนิลากับวอชิงตัน ได้ถูกนำตัวขึ้นศาลแดนตากาล็อกเป็นครั้งแรกวันนี้ (19 ธ.ค.) ขณะที่ทนายของเขาพยายามขอให้ศาลเลื่อนการพิจารณาคดี ที่กลายเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของสายสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างสองชาติพันธมิตรออกไปก่อน
เจ้าหน้าที่ศาลระบุว่า ส.ต.โจเซฟ สกอตต์ เพมเบอร์ตัน ต้องการให้กระทรวงยุติธรรมฟิลิปปินส์พิจารณาคำร้องขอให้ลดข้อหาจากฆ่าคนตายโดยเจตนา ลงเหลือทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้นระวางโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ในขณะที่ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนานั้นกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี
เกอร์รี กรุสเป เสมียนศาลระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้พิพากษาตกลงนัดวันพิจารณาคดีเป็นวันจันทร์ (22) ตามคำร้องของจำเลยที่ต้องการให้เลื่อนการนั่งพิจารณาออกไปก่อน
ส.ต.โจเซฟ สกอตต์ เพมเบอร์ตัน จากกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งบัดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในฐานทัพใหญ่ของกองทัพฟิลิปปินส์ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม เจฟฟรีย์ เลาเด หรือ เจนนิเฟอร์ ภายหลังที่มีผู้พบศพผู้ตายในห้องพักโรงแรม เมืองโอลองกาโป ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อรุ่งสางของวันที่ 11 ตุลาคม
เพมเบอร์ตัน ในชุดสูทสีดำ เน็คไทลาย และใส่กุญแจมือ นั่งลงเงียบๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของสหรัฐฯ ขนาบข้าง ทนายความของเขาขอให้ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทั่วๆ ไปของทนายจำเลย
มารีลู น้องสาวเลาเด ซึ่งเกิดความรู้สึกหลายๆ อย่างระคนกันไปขณะพบเพมเบอร์ตัน ครั้งแรกกล่าวว่า “ฉันอยากถามเขาว่า ฆ่าพี่ชายฉันทำไม ... ฉันอยากเอาหัวเขาโขกกำแพงนัก ก็อยากจะโมโหอยู่หรอก แต่ก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน”
เวอร์จี ซัวเรซ ทนายของครอบครัวเลาเด กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มีการยื่นคำร้องเพื่อขอให้อัยการชะลอการตั้งข้อหาฆาตกรรม ในคดีสังหาร เจฟฟรีย์ เลาเด ไว้ก่อน”
“วันนี้ (19) ยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ตอนนี้ศาลมีอำนาจเหนือเพมเบอร์ตัน เราไม่ทราบว่าเขาได้ยื่นคำร้อง เราขอคัดค้าน เพราะเขาควรถูกจับขังคุกฟิลิปปินส์”
คดีนี้นับเป็นบททดสอบล่าสุด ของข้อตกลงกำลังทหารที่มาเยือน ซึ่งสองชาติพันธมิตรลงนามร่วมกันเมื่อปี 1998 โดยมีเนื้อหาครอบคลุมถึงการรับผิดทางกฎหมายของกองกำลังสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์
ข้อตกลงกำลังทหารที่มาเยือนกำหนดให้ฟิลิปปินส์สามารถใช้อำนาจศาลจัดการกับ ทหารอเมริกันที่ก่ออาชญากรรม ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ระบุว่า การคุมขังชาวอเมริกันเหล่านี้จะยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐบาลสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงฉบับนี้ระบุว่า ฟิลิปปินส์สามารถร้องขออำนาจคุมขังผู้กระทำผิดได้ “ในกรณีพิเศษ”
ทว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธข้อเรียกร้องของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ที่ต้องการให้แดนอินทรีมอบอำนาจคุมขังเพมเบอร์ตัน แก่ทางการแดนตากาล็อก ตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงกำลังทหารที่มาเยือน (VFA)
เมื่อวันอังคาร (16) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ออกคำแถลงเตือนว่า ตามข้อตกลงว่าด้วยกำลังทหารที่มาเยือน “สหรัฐฯ สามารถสงวนสิทธิในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด จนกว่ากระบวนการตุลาการจะแล้วเสร็จ”
กลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านสหรัฐฯ กลุ่มเล็กๆ ได้เดินทางไปรวมตัวกันหน้าศาล เพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่เลาเด ในขณะที่ตากล้องและช่างภาพก็ดักรอเพมเบอร์ตัน ที่มาพร้อมกับขบวนรถอเนกประสงค์ติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบ