เอเอฟพี - อัยการฟิลิปปินส์เปิดเผยในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่ามีการตั้งข้อหาฆาตกรรมต่อนาวิกโยธินสหรัฐฯ ในคดีฆ่ากระเทยฟิลิปปินส์ที่กระตุ้นกระแสต่อต้านชาวอเมริกันให้รุนแรงยิ่งขึ้น
เอมิลี เฟ เดลอส ซานโตส หัวหน้าคณะทำงานอัยการในคดีนี้ ระบุว่า อัยการพบความน่าจะเป็นที่สิบตรีกองประจำการ โจเซฟ สก็อต เพมเบอร์ตัน คือผู้ลงมือก่อเหตุ ด้วยการตัดสินใจกระทำทารุณโหดร้ายต่อเหยื่อ และเป็นการทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้บังคับบัญชา
เดลอส ซานโตส ระบุด้วยว่า เพมเบอร์ตันจะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ส่วนบทลงโทษของข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้า หากพบว่ามีความผิดจริงคือจำคุกไม่เกิน 40 ปี
ทั้งนี้ เจนนิเฟอร์ เลาเด กระเทยวัย 26 ปี ถูกพบว่าเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่โรงแรมราคาถูกในเมืองท่า โอลองกาโป เธอมีสภาพเปลือยครึ่งท่อนอยู่ในห้องน้ำ มีร่องรอยของการบีบรัดที่บริเวณลำคอ ขณะที่ผลการชันสูตรของตำรวจระบุว่า เลาเด ตายเพราะขาดอากาศหายใจ
แฮร์รี โร้ก ทนายของครอบครัวเลาเด บอกกับนักข่าวว่า นี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดาทั่วไป แต่เป็นคดีที่เลวร้ายเพราะมีการซ้อมเหยื่อด้วย
เพมเบอร์ตัน คือผู้ที่เช็คอินเข้าพักโรงแรมที่เกิดเหตุกับเลาเด และเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบเห็นว่าอยู่กับเหยื่อ นายทหารอายุ 19 ปีรายนี้ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจร่วมซ้อมรบระหว่างฟิลิปปินส์-สหรัฐฯ ได้ขอให้อัยการผ่อนผันข้อกล่าวหา ให้ลงมาเหลือแค่ฆาตกรรม โดยไม่มีการไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้า ซึ่งจะมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี
ในช่วงที่ผ่านมา การตายของเลาเดได้จุดกระแสการประท้วงตามท้องถนน รวมถึงกระแสเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลฟิลิปปินส์หาทางนำตัวเพมเบอร์ตันจากบนเรือรบสหรัฐฯ มาควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์บัญชาการของกองทัพในกรุงมะนิลา
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงเมื่อปี 1998 เมื่ออยู่ในฟิลิปปินส์ ศาลของฟิลิปปินส์สามารถพิจารณาคดีนายทหารอเมริกันที่ก่ออาชญากรรมได้ แต่ข้อตกลงดังกล่าวตั้งเงื่อนไขว่าผู้ต้องสงสัยจะถูกควบคุมตัวไว้โดยฝ่ายอเมริกา
ประธานาธิบดี เบนิโญ อาควิโน ได้เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า การพิจารณาคดีนี้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติที่มีความสำคัญต่อฟิลิปปินส์มากที่สุด ทั้งด้านการทูตและการทหาร