เอเอฟพี - ฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (14 ต.ค.) ว่ากำลังหาลู่ทางคุมขังนาวิกโยธินสหรัฐฯ คนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ถูกคุมตัวไว้บนเรือรบ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ ขณะที่ตำรวจแดนตากาล็อกกำลังเตรียมตั้งข้อหาชายผู้นี้
เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12) พนักงานโรงแรมในโอลองกาโป เมืองท่าทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ได้พบร่างของ เจฟฟรีย์ เลาเด หรือ เจนนิเฟอร์ ภายหลังผู้ตายเช็คอินเข้าห้องพักไปพร้อมกับชายผมทองคนหนึ่งเพียงไม่ถึงชั่วโมง
ผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยทหารสหรัฐฯ ที่มีทั้งหมด 3,500 นาย เดินทางไปยังฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบระหว่างสองชาติพันธมิตร ที่ปิดฉากลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
วานนี้ (13) ตำรวจได้ออกคำแถลง โดยชี้แจงว่า มีพยานระบุตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ และกำลังเตรียมตั้งข้อหาฆ่าคนตายกับนายทหารคนนี้
ก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ได้แถลงยืนยันว่า “มีทหารนาวิกโยธินนายหนึ่งถูกระบุว่า อาจเป็นผู้ต้องสงสัยในการสืบสวน นาวิกโยธินที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนนี้สังกัดกองพันที่ 2 กรมนาวิกโยธินที่ 9 ค่ายเลอเชิน มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา”
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ระบุเพิ่มเติมว่า ทหารนายนี้ถูกคุมตัวไว้บนเรือเปลเลลยู ขณะที่สำนักงานสืบสวนอาชญากรรมกองทัพเรือร่วม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์กำลังสืบสวนคดีนี้
ชาร์ลส์ โฆเซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศมะนิลากล่าวกับเอเอฟพีว่า ฟิลิปปินส์กำลังหาลู่ทางคุมขังทหารอเมริกันนายนี้ หากตรวจพบว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องจริง เขากล่าวว่า “ผมคิดว่าเราควรจะทำเช่นนั้น แต่ก็ยังรับประกันไม่ได้ว่า สหรัฐฯ จะทำตามคำขอของเรา”
คดีนี้นับเป็นบททดสอบล่าสุด ของข้อตกลงกำลังทหารที่มาเยือน (VFA) ซึ่งสองชาติพันธมิตรลงนามร่วมกันเมื่อปี 1998 โดยมีเนื้อหาครอบคลุมถึงการรับผิดทางกฎหมายของกองกำลังสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์
ข้อตกลงกำลังทหารที่มาเยือนกำหนดให้ฟิลิปปินส์สามารถใช้อำนาจศาลจัดการกับทหารอเมริกันที่ก่ออาชญากรรม ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ระบุว่า การคุมขังชาวอเมริกันเหล่านี้จะยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐบาลสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงฉบับนี้ระบุว่า ฟิลิปปินส์สามารถร้องขออำนาจคุมขังผู้กระทำผิดได้ “ในกรณีพิเศษ”
วานนี้ (13) ตำรวจแถลงว่า เลาเด ซึ่งแต่งกายเป็นหญิงไปยังโรงแรม และเช็คอินเข้าห้องพักไปพร้อม “ชายชาวต่างชาติ” ถูกพบเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่กับพื้นห้องน้ำโดยมีรอยช้ำที่คอ พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ตายถูกบีบคอเสียชีวิต
กลุ่มฝ่ายซ้าย และชาตินิยมในฟิลิปปินส์ได้ใช้ประเด็นนี้กล่าวโจมตีการที่ฟิลิปปินส์เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ โดยวันนี้ (14) มีผู้ประท้วงรวมตัวชุมนุมกันที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ราว 60 คน พร้อมกับเผาธงชาติสหรัฐฯ ที่ทำขึ้นเอง ขณะกล่าวประณามเหตุฆาตกรรม และการที่ทหารอเมริกันเข้ามาปฏิบัติภารกิจในฟิลิปปินส์