เอเอฟพี – แกมเบียออกมาตำหนิชาติเพื่อนบ้านอย่างกินีว่ามีธรรมเนียมการทูต “พิลึกพิลั่น” วานนี้(4) หลังบริจาคเงินช่วยต่อสู้ไวรัสอีโบลาไป 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กลับไม่ได้รับคำขอบคุณ
รัฐบาลแกมเบียระบุว่า เงินบริจาคก้อนนี้ถูกส่งไปยังกินีตั้งแต่เดือนกันยายน และได้รับคำขอบคุณจากธนาคารกลางแห่งกินีแล้ว ทว่ากรุงโกนากรีกลับทำนิ่งเฉย
“ทัศนคติที่พิลึกพิลั่นของรัฐบาลกินีถือเป็นเรื่องโชคร้ายและน่าเสียดาย” รัฐบาลแกมเบียระบุในถ้อยแถลง
“ขณะที่เซียร์ราลีโอนซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากประธานาธิบดี ยะห์ยา จัมเมห์ เช่นกัน ได้ออกมาแสดงความขอบคุณต่อเงินบริจาคแล้ว แต่รัฐบาลกินียังไม่ทำเช่นนั้น”
การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในกินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ได้คร่าชีวิตพลเมืองแอฟริกาตะวันตกไปแล้ว 6,070 ราย ตามตัวเลขล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เฉพาะในกินีมีสถิติผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ราย
มุสตาฟา กูตูบู ซาโนห์ รัฐมนตรีฝ่ายความร่วมมือระหว่างประเทศของกินี ให้สัมภาษณ์ต่อเอเอฟพีว่า รัฐบาลพร้อมที่จะขออภัยต่อแกมเบียในเรื่องนี้
“รัฐบาลพร้อมที่จะแก้ไขเรื่องนี้ เพราะกินีและแกมเบียถือเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ไม่มีอะไรจะทำให้ภราดรภาพของเรากลายเป็นอื่นไปได้”
แกมเบียได้สั่งปิดพรมแดนห้ามประชาชนจากกินี, เซียร์ราลีโอน และไลบีเรียเดินทางเข้าประเทศในช่วงที่ไวรัสกำลังระบาดหนัก ทำให้ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในแกมเบียแม้แต่รายเดียว
ประธานาธิบดี จัมเมห์ ปกครองแกมเบียด้วยระบอบกำปั้นเหล็กมาตั้งแต่ปี 1994 และไม่เคยอดทนต่อคำวิจารณ์ใดๆ เมื่อปี 2007 เขาถึงกับไล่ทูตยูเอ็นคนหนึ่งที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับวิธีรักษาโรดเอดส์ที่ จัมเมห์ อ้างว่าค้นพบ
3 ปีต่อมา สหภาพยุโรปซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ได้ระงับเงินช่วยเหลือมูลค่า 22 ล้านยูโรต่อกรุงบันจูล หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาลของรัฐบาลแกมเบีย
เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แกมเบียประกาศถอนตัวออกจากเครือจักรภพ และประณามสหรัฐฯกับอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษว่าอยู่เบื้องหลังการ “กุเรื่องอย่างไร้ยางอาย” เพื่อทำลายภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของแกมเบีย
ผู้นำแกมเบียไม่ยินยอมให้องค์การสหประชาชาติเข้าไปสอบสวนกรณีการทรมานและสังหารหมู่นักโทษโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม และยกเลิกการเจรจากับอียู หลังถูกกดดันให้ยกเลิกโทษจำคุกตลอดชีวิตต่อคนรักร่วมเพศ