ประธานเวิลด์แบงก์ติง “เอเชีย” ไม่ทุ่มเททรัพยากรต่อสู้ “อีโบลา” อย่างจริงจัง

เอเอฟพี – ประธานธนาคารโลกติงหลายประเทศแถบเอเชียยังไม่ได้อุทิศทรัพยากรอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้เชื้ออีโบลา แม้จะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และสามารถช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดได้ก็ตาม

โลกยังต้องการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกหลายพันคนที่จะช่วยสกัดกั้นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของไวรัสอีโบลานับตั้งแต่มีการพบเชื้อครั้งแรกในปี 1976 โดยปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะชนิดนี้แล้วเกือบ 5,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยใน 3 ประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ ไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน

“หลายประเทศในเอเชียมีศักยภาพพอที่จะช่วยได้ แต่กลับไม่ช่วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านบุคลากรทางการแพทย์” จิม ยอง-คิม ประธานเวิลด์แบงก์ แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงโซล

“ผมขอฝากคำวิงวอนไปยังผู้นำทุกชาติในเอเชีย โปรดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญของท่านไปยัง 3 ประเทศในแอฟริกาตะวันตกด้วย”

เกาหลีใต้ประกาศมอบเงินช่วยเหลือ 5,600,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการสกัดกั้นเชื้ออีโบลา ขณะที่ญี่ปุ่นและจีนก็ได้ส่งบุคลากรหรือเครื่องมือแพทย์ไปยัง 3 ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดแล้ว

รัฐบาลปักกิ่งระบุว่า จีนได้บริจาคเงินอย่างน้อย 750 ล้านหยวนให้แก่ 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและองค์กรระหว่างประเทศเพื่อใช้ในการต่อสู้อีโบลา และยังส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกหลายร้อยคนเข้าไปช่วยเหลือด้วย

อย่างไรก็ดี ระดับการตอบสนองของเอเชียในภาพรวมยังคงด้อยกว่าประเทศแถบยุโรปและสหรัฐฯ โดยเฉพาะอเมริกาซึ่งได้ส่งทหารหลายพันนายเข้าไปช่วยก่อสร้างศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อ และประกาศมอบเงินช่วยเหลือถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“เรายังต้องการเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกหลายพันคนในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี การต่อสู้ไวรัสอีโบลายังไม่จบสิ้น จนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใน 3 ประเทศดังกล่าวจะเป็นศูนย์” คิม ระบุ

หลายประเทศในเอเชียเริ่มมีมาตรการคัดกรองคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวดเพราะเกรงไวรัสจะแพร่เข้าสู่บ้านเมืองของตน รวมถึงเกาหลีเหนือซึ่งประกาศปิดพรมแดน และกักตัวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศเป็นเวลา 21 วัน

ประธาน คิม เตือนว่า การคัดกรองคนเข้าเมืองเพียงอย่างเดียวเปรียบเสมือน “เอาผ้าขนหนูเปียกไปอุดใต้ประตู” ทั้งที่บ้านกำลังถูกไฟไหม้

“ทั่วโลกจำเป็นต้องช่วยกันดับไฟ ไม่เช่นนั้นอีโบลาอาจจะลุกลามไปยังประเทศใดก็ได้ รวมถึงในเอเชียด้วย”