รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลมอริเทเนียประกาศปิดพรมแดนด้านที่ติดต่อกับประเทศมาลี หลังมาลีพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส “อีโบลา” เป็นรายแรกและส่งผลให้มาลีเป็นประเทศที่ 6 ของภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ที่มีผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อมรณะดังกล่าว
รายงานข่าวซึ่งอ้าง ลิมาเม โอลด์ เด็ดเดห์ หัวหน้าสำนักการแพทย์ในเมืองโคเบนนีของมอริเทเนีย ซึ่งอยู่ประชิดกับพรมแดนของมาลี ระบุว่า รัฐบาลกลางของมอริเทเนียในกรุงนูแอ็กช็อตต์ ได้ออกคำสั่งให้ปิดกั้นพรมแดนทางบกทุกจุด ที่เชื่อมต่อกับมาลีอย่างไม่มีกำหนดแล้ว
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลมอริเทเนียภายใต้การนำของประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด โอลด์ อับเดล อาซิซ ออกคำแถลงในคืนวันศุกร์ (24 ต.ค.) โดยระบุ รัฐบาลของตนจะดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็น เพื่อปกป้องประชากรราว 3.54 ล้านคนทั่วประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตด้านสาธารณสุขที่มีต้นตอจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลมอริเทเนียในการสั่งปิดพรมแดนทางบกที่ติดต่อกับมาลี ถือเป็นท่าทีที่สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับรัฐบาลของมาลี หลังจากที่ประธานาธิบดี อิบราฮิม บูบาการ์ เคอิตา แห่งมาลีออกโรงยืนกราน จะไม่มีการสั่งปิดพรมแดนด้านที่ติดต่อกับประเทศกินีโดยเด็ดขาด แม้กินีจะเป็นต้นตอการระบาดของไวรัสอีโบลาระลอกล่าสุด
ทั้งนี้ มาลีเพิ่งกลายเป็นประเทศที่ 6 ในแอฟริกาตะวันตกต่อจากกินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน ไนจีเรีย และ เซเนกัล ที่พบผู้ติดเชื้ออีโบลา โดยในกรณีของมาลีนั้น พบผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 2 ปีที่ติดเชื้อและเสียชีวิตหลังเดินทางข้ามพรมแดนพร้อมกับยายของเธอเพื่อไปร่วมพิธีศพของญาติในประเทศกินี ดินแดนที่มีผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อมรณะนี้ไปแล้วมากกว่า 900 ราย
ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลาได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 4,922 คนแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นผู้เสียชีวิตในกินี ไลบีเรีย และ เซียร์ราลีโอน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อได้พุ่งทะลุ 10,000 รายไปแล้ว แม้จะเป็นที่คาดกันว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ถึง 3 เท่า