เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไนจีเรียเป็นประเทศที่ปลอดจากเชื้อไวรัส “อีโบลา” อย่างเป็นทางการในวันนี้ (20 ต.ค.) หลังผ่านพ้นระยะฟักตัวของเชื้อ 2 รอบ รวมทั้งสิ้น 42 วัน โดยไม่มีการรายงานยืนยันว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้อีก
รุย กามา วาซ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำไนจีเรียกล่าว ที่กรุงอาบูจา เมืองหลวงของไนจีเรียว่า “ตอนนี้ไวรัสหมดไปแล้ว การแพร่ระบาดในไนจีเรียถูกกำราบจนอยู่หมัด”
“เรื่องนี้เป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจซึ่งแสดงให้โลกเห็นว่า อีโบลาสามารถควบคุมได้”
ครั้งแรกที่มีการตรวจพบเชื้ออีโบลาที่ไนจีเรีย ดินแดนที่มีประชากรมากที่สุด และเป็นประเทศอุตสาหกรรมแถวหน้าของทวีปแอฟริกา ก็เกิดความหวั่นเกรงว่า โรคร้ายชนิดนี้จะแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ ที่มีประชากรราว 170 ล้านคนแห่งนี้รวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีวันสิ้นโลกก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีส่วนในการควบคุมการแพร่ระบาดได้กล่าวยกย่องเหล่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถติดตามผู้สัมผัสโรคได้อย่างครอบคลุม
ในภาพรวมแล้ว พบว่ามีผู้เสียชีวิต 8 คนในหมู่ผู้ติดเชื้อทั้งหมด 20 คนที่ได้รับการยืนยันในเมืองลากอส ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไนจีเรีย และในเมืองพอร์ตฮาร์คอร์ต ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันของประเทศ ขณะที่มีผู้เข้ารับการสังเกตอาการเกือบ 900 คน
ทั้งนี้ ไนจีเรียถูกประกาศให้เป็นประเทศปลอดเชื้ออีโบลาอย่างเป็นทางการ หลังจากเซเนกัลถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ปลอดเชื้อเมื่อวันศุกร์ (17)
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่เฝ้าระวังเพื่อควบคุมเชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่ให้แพร่ระบาดไปทั่วโลก ได้ติดตามตรวจสอบสถานการณ์ที่ไนจีเรีย และเซเนกัลอย่างละเอียด
นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกอีโบลาไปแล้วกว่า 4,500 คน และมีผู้ติดเชื้อเกือบ 10,000 คน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นประชากรในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตนอกแอฟริกาตะวันตก โดยเฉพาะในสเปนและสหรัฐฯ ได้จุดประกายให้เกิดกระแสตื่นกลัวว่า ไวรัสชนิดนี้จะแพร่กระจายลุกลามออกไป และกระตุ้นให้มีการเร่งวางมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกเหนือจากการกวดขันติดตามผู้สัมผัสโรค ไนจีเรียยังได้ตั้งจุดตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองผู้โดยสารทั้งขาเข้า และขาออกตามสนามบิน และท่าเรือทุกแห่งอบ่างเข้มงวด
แคเมอรูน ซึ่งมีชายแดนติดกับภาคตะวันออกของไนจีเรียได้ประกาศปิดพรมแดนตามมาตรการป้องกันไว้ก่อน แต่ไนจีเรียไม่ได้ปิดพรมแดน
นอกจากนี้ ไนจีเรียไม่ได้ออกประกาศห้ามการเดินทาง แม้ว่าสายการบินชั้นนำ “เอริคแอร์” ของไนจีเรียจะยกเลิกเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากเชื้ออีโบลาเช่นเดียวกับกินี