รอยเตอร์/เอเอฟพี - สหรัฐฯจะเริ่มใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าที่เดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก ตามสนามบินต่างๆในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ในความหวังหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง ขณะที่องค์การอนามัยโลกอัพเดทตัวเลขล่าสุด พบยอดผู้ติดเชื้อมากกว่า 8,000 คน ในนั้นเกือบครึ่งเสียชีวิตแล้ว
มาตรการคัดกรองนี้จะเริ่มใช้ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดีของนิวยอร์กในช่วงสุดสัปดาห์ และจะขยายสู่สนามบินอื่นๆอีก 4 แห่งได้แก่ นวร์ก ลิเบอร์ตี ในนิวเจอร์ซีย์, วอชิงตัน ดัลเลส, โอแฮร์ในชิคาโก และฮาร์ทสฟิลด์-แจ๊คสัน แอตแลนตา
ในมาตรการคัดกรองนี้ เจ้าหน้าที่จะใช้อุปกรณ์ที่ไม่ล่วงล้ำร่างกาย ตรวจจัดอุณหภูมิของผู้โดยสารและขอให้พวกเขากรอกแบบสอบถามของทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของรัฐบาลสหรัฐฯ (ซีดีซี) ที่จะขอรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆของผู้โดยสารในแอฟริกาตะวันตก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหัฐฯที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เปิดเผยว่าผู้โดยสารทุกคนของสนามบินต่างๆข้างต้นที่เดินทางมาจากเซียร์ราลีโอน กินี และ ไลบีเรีย จำเป็นต้องผ่านการคัดกรองเข้มข้นเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะมาด้วยเที่ยวบินตรงจากประเทศเหล่านั้นหรือเปลี่ยนเทียวบินในประเทศอื่นมายังอเมริกา
นอกจากนี้ ซีดีซีเผยว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสนามบินสหรัฐฯ 5 แห่งดังกล่าวเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ศลกากรและตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคอยสอดส่องมอบว่าบุคคลที่มีอาการป่วยและขอให้ตอบแบบสอบถาม “ถ้านักเดินทางรายใดมีไข้ มีอาการหรือคำตอบในแบบสอบถามด้านสาธารณสุขเผยให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจติดเชื้ออีโบลา พวกเขาจะถูกประเมินโดยเจ้าหน้าที่ประจำสถานีกักกันของซีดีซี”
“และถ้าจำเป็นก็จะมีการเรียกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาช่วยเหลือผู้โดยสารที่อาจจำเป็นต้องประเมินหรือสังเกตอาการเพิ่มเติม ส่วนนักเดินทางที่ไม่มีอาการใดๆ หรือไม่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จะได้รับคำแนะนำให้สังเกตสุขภาพของตนเองเป็นเวลา 21 วัน อันเป็นช่วงเวลาฟักตัวของอีโบลา” ซีดีซีระบุ
คำแถลงนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากชายผู้ล้มป่วยด้วยเชื้ออีโบลารายแรกในสหรัฐฯ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเทกซัส โดย นายโธมัส เอริค ดันแคน พลเมืองไลบีเรีย เดินทางจากไลบีเรีย มายังเทกซัส เพื่อเยี่ยมครอบครัวในวันที่ 20 กันยายน ทั้งนี้เขารู้สึกไม่สบายในอีก 4 วันต่อมา แต่กว่าจะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็ปล่อยเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่ 28 กันยายน
อีโบลาคร่าชีวิตผู้คนแล้วหลายพันศพในกินี ไลบีเรีย ไนจีเรีย เซเนกัล และ เซียร์ราลีโอน และผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ายอดเหยื่อจะยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของรัฐบาลสหรัฐฯ บอกว่า ในเหล่าประเทศที่ได้รับผลกระทบนั้น มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาออกอยู่แล้ว ซึ่งในนั้นรวมไปถึงการตอบคำถามด้านสุขภาพของนักเดินทาง ประเมินอาการป่วยด้วยสายตาและตรวจวัดอุณหภูมิ
“ช่วง 2 เดือนหลังสุดนับตั้งแต่เริ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาออกใน 3 ประเทศ มีผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองถึง 36,000 คน ในนั้นมีแค่ 77 รายที่ถูกห้ามขึ้นเรื่องสืบเนื่องจากกระบวนการคัดกรองทางสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั้นไม่มีใครที่ติดเชื้ออีโบลา โดยส่วนใหญ่ป่วยเป็นมาลาเรีย”
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่องค์การอนามัยโลก ปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของอีโบลาล่าสุด โดยบอกว่ายอดผู้ติดเชื้อทั่ว 5 ชาติแอฟริกาตะวันตกและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 8,033 คน ในนั้นเสียชีวิตแล้ว 3,865 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่นับจนถึงวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ยังไม่รวมพยาบาลชาวสเปน ที่ยืนยันว่าติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันจันทร์ (6) ที่ผ่านมา
ในกินี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อ 1,298 คน เสียชีวิต 768 ราย ส่วนไลบีเรีย ชาติที่ได้รับผลกระะทบหนักหน่วงที่สุด มีผู้เสียชีวิต 2,210 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 3,924 ราย ขณะที่ในเซียร์ราลีโอน มีผู้ติดเชื้อ 2,789 คน และเสียชีวิต 879 คน
ไนจีเรีย ยืนยันผู้ติดเชื้อ 20 คน ในนั้นเสียชีวิต 8ราย ทว่าพบผู้ติดเชื้อรายสุดท้ายต้องย้อนไปในวันที่ 5 กันยายน หรือเดือนเศษๆ แล้ว ส่วนเซเนกัล จนถึงตอนนี้ยืนยันผู้ติดเชื้อแค่รายเดียว เป็นนักศึกษาชาวกินีที่เดินทางเข้ามาไม่นานก่อนปิดพรมแดนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม แต่ตอนนี้ฟื้นไข้แล้ว อย่างไรก็ตาม ประเทศแห่งนี้จะยังไม่ถูกประกาศให้เป็นดินแดนปลอดอีโบลาจนว่าจะครบ 42 วัน