สหรัฐฯ จ่อยกระดับ “คุมเข้ม” นักเดินทาง กันเชื้อ “อีโบลา” ระบาดในประเทศ

เอเอฟพี - สหรัฐฯ จะประกาศเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองนักเดินทางระหว่างประเทศในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาบนแผ่นดินแดนอินทรี เจ้าหน้าสาธารณสุขเผยวานนี้ (7 ต.ค.)

นับตั้งแต่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารายแรกในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นชาวไลบีเรียที่เดินทางมาถึงรัฐเมดซัสเมื่อวันที่ 20 กันยายน โดยไม่ได้แสดงอาการมาก่อน เสียงเรียกร้องในสภาคองเกรสและที่อื่นๆ ให้มีการควบคุมที่เข้มงวดกว่านี้ก็ดังขึ้นตามมา

ทอม ไฟรเดน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) กล่าวว่า “ตามที่ท่านประธานาธิบดีกล่าวเมื่อวันจันทร์ (6) เรากำลังพิจารณาสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ชาวอเมริกันมากกว่านี้ และในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ เราจะประกาศมาตรการเพิ่มเติมที่จะถูกนำมาใช้”

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า ขณะนี้กำลังมีการศึกษากฎระเบียบใหม่เพื่อยกระดับการควบคุมนักเดินทาง ขณะที่พวกเขาเดินทางออกจากแอฟริกาตะวันตกและอยู่ระหว่างเดินทางเข้าสหรัฐฯ

โอบามากล่าวว่า สหรัฐฯ อาจทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เพื่อระบุตัวผู้ที่อยู่บนเที่ยวบินต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อระบุท่าอากาศยานขาเข้าของพวกเขาในสหรัฐฯ

ชาร์ลส์ ชูเมอร์ สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตผู้ทรงอิทธิพล กล่าวเมื่อวานนี้ (7) หลังสนทนากับไฟรเดน ว่าวอชิงตันจะใช้มาตรการเข้มงวดกว่าที่ท่านประธานาธิบดีแนะนำเอาไว้

ชูเมอร์กล่าวว่า ผู้โดยสารที่มาจากประเทศที่อีโบลากำลังระบาดรุนแรง ควรถูกตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเมื่อมาถึงสนามบินสหรัฐฯ

เขากดดันให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิจัดทำฐานข้อมูลผู้โดยสารที่มาจากแอฟริกาตะวันตกทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ทุกโรงพยาบาลในสหรัฐฯสามารถเข้าถึงได้

ทั้ง โอบามา และ ไฟรเดน ประกาศว่าจะไม่มีการห้ามเที่ยวบินเดินทางไปและกลับจากประเทศที่ได้รับผลกระทบ อย่างที่สมาชิกสภานิติบัญญัติบางคนเรียกร้องกัน

ไฟรเดนกล่าวว่า การกระทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้วิกฤตด้านสาธรณสุขเลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะจะลดทอนความสามารถในการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำว่า สายการบินเกือบครึ่งโลกได้ยุติการให้บริการยังประเทศที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว

เขายังได้ชื่นชมการทำงานของซีดีซีในไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอน และกินี สามประเทศในแอฟริกาตันตกที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาครั้งเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ ที่คร่าชีวิตประชาชนแล้วมากกว่า 3,300 คนนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้