รอยเตอร์ – รัฐบาลเซียร์ราลีโอนประกาศแผน “ปิดเมือง” ทั่วประเทศเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนเป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา เจ้าหน้าอาวุโสประจำทำเนียบประธานาธิบดีแถลงเมื่อวานนี้(5)
การระบาดของเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 6 โดยยังไม่มีแนวโน้มทุเลาลง แม้จะคร่าชีวิตพลเมืองไปแล้วกว่า 2,100 คนตั้งแต่เดือนมีนาคมก็ตาม
อิบราฮิม เบน คาร์กโบ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีว่าด้วยคณะทำงานต่อต้านไวรัสอีโบลา เปิดเผยว่า รัฐบาลเซียร์ราลีโอนได้สั่งห้ามประชาชนออกจากบ้านเรือนโดยเด็ดขาด ระหว่างวันที่ 18-21 กันยายน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อร้ายลุกลาม และเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถตรวจพบผู้ป่วยในระยะเริ่มต้น
“เราจำเป็นต้องใช้วิธีที่เด็ดขาดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา” เขาให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
ข้อมูลล่าสุดจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวานนี้(5) ระบุว่า เซียร์ราลีโอนมีผู้ป่วยต้องสงสัย, ผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ และผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาแล้วทั้งสิ้น 491 ราย
คาร์กโบ เผยด้วยว่า รัฐบาลจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 21,000 นายเพื่อบังคับใช้มาตรการปิดเมืองครั้งนี้ โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการส่งตำรวจและทหารหลายพันนายไปกักกันพื้นที่ชายแดนฝั่งที่ติดกับกินี ซึ่งเป็นภูมิภาคที่พบผู้ป่วยอีโบลามากที่สุด
แม้องค์กรทั่วโลกจะระดมทั้งเงินทุนและเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ส่งไปยังแอฟริกาตะวันตก ทว่าก็ยังมีการพบผู้ป่วยอีโบลารายใหม่ๆ เรื่อยมา
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การขาดแคลนเจ้าหน้าที่แพทย์ซึ่งมีความชำนาญและระบบสาธารณสุขที่ไม่ได้มาตรฐานคืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การต่อสู้กับโรคติดต่อร้ายแรงนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร