“ทากาตะ” บ.อะไหล่ยนต์ญี่ปุ่นเมินคำสั่ง “เรียกคืนรถ” ทั่วสหรัฐฯ หลังพบปัญหาถุงลมนิรภัยระเบิด

เอเอฟพี - ผู้บริหารระดับอาวุโสของ “ทากาตะ” กิจการผลิตอะไหล่ยนต์ของแดนอาทิตย์อุทัยวานนี้ (3 ธ.ค.) กล่าวปกป้องการที่บริษัทนี้ปฏิเสธไม่เรียกคืนรถยนต์ ซึ่งติดตั้งถุงลมนิรภัยทากาตะทั่วสหรัฐฯ ภายหลังที่มีรายงานว่า พบผู้ขับขี่ถูกถุงลมนิรภัยของบริษัทนี้ระเบิดใส่ โดยเขาเน้นย้ำว่า ผลการตรวจสอบไม่ได้สนับสนุนว่าจำเป็นต้องเรียกคืนรถมากมายถึงเพียงนั้น

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านความปลอดภัยยานยนต์ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า ทากาตะยังไม่ได้ออกมาให้ความกระจ่าง ต่อกรณีที่ถุงลมนิรภัยของบริษัทนี้เกิดระเบิดอย่างผิดวิสัย ทั้งยังส่งเศษโลหะปลิวกระจายออกมาจนทำให้มีผู้สังเวยชีวิตแล้ว 5 ราย พร้อมกับระบุว่า ทากาตะ และกิจการผู้ผลิตรถยนต์อาจถูกดำเนินคดีในชั้นศาล ฐานนิ่งเฉยไม่ขยายขอบเขตการเรียกคืนรถยนต์ให้ครอบคลุมระดับประเทศ

ฮิโรชิ ชิมิซุ รองประธานฝ่ายควบคุมคุณภาพของกิจการผู้ผลิตอะไหล่ยนต์เจ้านี้ กล่าวในการไต่สวนสภาสหรัฐฯ ว่า ทากาตะไม่เห็นด้วยกับการที่ สำนักงานความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) ออกมาเรียกร้องให้เรียกคืนรถยนต์ทุกคันในสหรัฐฯ ที่อาจติดตั้งถุงลมนิรภัยของทากาตะในฝั่งที่นั่งคนขับ

NHTSA ขีดเส้นตายให้ทากาตะประกาศเรียกคืนรถยนต์ทั่วประเทศภายในคืนวันอังคาร (2) ซึ่งจำกัดเฉพาะรถยนต์ในเขตอากาศร้อนชื้น ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ถุงลมนิรภัยเสี่ยงต่อการระเบิดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคาร (2) ทากาตะได้ทำหนังสือไปยัง NHTSA เพื่อปฏิเสธการเรียกคืนรถยนต์ พร้อมกับชี้ว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่า มีความจำเป็นที่จะต้องขยายการเรียกคืนให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับระบุว่า บริษัทมีชิ้นส่วนอะไหล่ในส่วนระบบสูบลม ซึ่งเป็นส่วนที่พบความชำรุดบกพร่อง ไม่เพียงพอสำหรับแก้ไขปรับปรุงแก่รถยนต์ที่ถูกเรียกคืนจากทั่วสหรัฐฯ

ชิมิซุได้ชี้แจง ในการไต่สวนของคณะอนุกรรมการ ของคณะกรรมการพลังงานและพาณิชย์ของสหรัฐฯ ต่อประเด็นนี้ว่า ผลการตรวจสอบระบบสูบลมหลายพันชิ้นเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่า พบความบกพร่องในถุงลมนิรภัยฝั่งที่นั่งข้างคนขับเท่านั้น

สำหรับระบบสูบลมของถุงลมนิรภัยราว 4,000 ใบที่ผ่านการตรวจสอบเมื่อไม่กี่เดือนที่มานี้ ชิมิซุกล่าวว่า ทากาตะตรวจพบว่า มีถุงลมนิรภัยฝั่งที่นั่งข้างคนขับที่สุ่มเสี่ยงต่อการระเบิดราว 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ไม่พบความเสี่ยงนี้ในฝั่งที่นั่งคนขับ

เขากล่าวว่า ถุงลมนิรภัยที่ระเบิดนั้นล้วนแล้วแต่ผลิตในฟลอริดา และเปอร์โตริโก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น

ชิมิซุยืนกรานว่า “ตามข้อมูลที่เรารวบรวมได้...ข้อมูลยังคงสนับสนุนว่า เราควรเจาะกลุ่มในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง”

อย่างไรก็ดี บรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ กำลังกังขากับคำชี้แจงของทากาตะ ในช่วงที่มีความปริวิตกกันว่าบริษัทนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะเหตุใด

เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นมานานอย่างน้อยปี 2008 ทากาตะ และผู้ตรวจสอบจึงระบุต้นสายปลายเหตุไว้หลายประการด้วยกัน

ชิมิซุกล่าวว่า ต้นสายปลายเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นจากปัญหาในสายการผลิตซึ่งบัดนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว และไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกแบบถุงลมนิรภัยผิดพลาด

จนถึงตอนนี้ กิจการผู้ผลิตรถยนต์ 10 เจ้า ได้ประกาศเรียกคืนยานพาหนะในสหรัฐฯ กลับไปแก้ไขความบกพร่องแล้วราว 10 ล้านคัน และอีกอย่างน้อย 8 ล้านคันในประเทศอื่นๆ

วันนี้ (4) ไครสเลอร์ได้ออกมาประกาศเรียกคืนรถกระบะ 150,000 คันซึ่งเป็นรุ่นที่ผลิตเมื่อปี 2003 ในพื้นที่ 7 รัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ และดินแดนเขตร้อน 5 แห่งของสหรัฐฯ พร้อมกับระบุว่า มีความเสี่ยงที่ระบบสูบลมในถุงลมนิรภัยของรถยนต์เหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตราย

เดวิด ฟรายด์แมน รองผู้บริหาร NHTSA กล่าวกับคณะกรรมาธิการว่า ทางหน่วยงานยังคงคลางแคลงสงสัยว่า ต้นตอของความชำรุดบกพร่องในถุงลมนิรภัยนั้นเป็นที่ทราบแน่ชัดหรือไม่

ในเวลานี้ ทางหน่วยงานเชื่อว่า ปัญหาความชื้น “ไม่ใช่ปัจจัยหลัก” ที่ทำให้ถุงลมนิรภัยในฝั่งที่นั่งคนขับชำรุด

เขากล่าวเตือนว่า ทั้งทากาตะ และกิจการผู้ผลิตรถยนต์อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งถูกสั่งปรับเป็นเงิน 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.147 พันล้านบาท) หากละเลยเพิกเฉยไม่แก้ไขปัญหาเหล่านี้

ในการไต่สวนนัดเดียวกันนี้ ริก ชอสเตค รองประธานบริหารฮอนด้าประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือกล่าวว่า กิจการยนตรกรรมเจ้านี้กำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่า ควรประกาศเรียกคืนรถฮอนด้า ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยของทากาตะทั่วประเทศหรือไม่ ขณะที่สำทับว่ารถที่มีความเสี่ยงระเบิดมากที่สุดนั้นอยู่ในภูมิภาคอเมริกาใต้