รัฐบาลผสมเยอรมนีเห็นชอบกฎหมายกำหนดโควตาผู้บริหารให้สตรี

เอเอฟพี/บีบีซี - พรรครัฐบาลผสมเยอรมนีเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (25 พ.ย.) เห็นชอบกฎหมายฉบับหนึ่งที่กำหนดให้เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศต้องมีผู้หญิงนั่งตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมการกำกับดูแลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ หากบริษัทใดล้มเหวในการหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริษัทตามโควตา ก็จำเป็นต้องปล่อยให้เก้าอี้เหล่านั้นให้ว่างไปโดยปริยาย

มานูเอลา ชเวซิก รัฐมนตรีกิจการผู้หญิงให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแห่งรัฐในวันพุธ(26พ.ย.) ว่า “ดิฉันมั่นใจว่าเก้าอี้เหล่านั้นจะไม่ถูกปล่อยให้ว่างเปล่า เพราะเรามีผู้หญิงที่มีคุณสมบัติจำนวนมากพอที่จะทำหน้าที่อันสำคัญอย่างยิ่งนี” เธอกล่าว “กฎหมายนี้คือก้าวย่างสำคัญของการเท่าเทียม เพราะมันจะช่วยริเริ่มเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในสถานที่ทำงาน”

นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีซึ่งเดิมทีคัดค้านการปฏิรูปดังกล่าว บอกกับรัฐสภาในวันพุธ (26 พ.ย.) “มันผ่านการตัดสินใจแล้วและมันกำลังถูกบังคับใช้ เราคงมิอาจทำมันได้หากปราศจากความสามารถของคุณผู้หญิง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฎเกณฑ์ใหม่นี้จะส่งผลกระทบกับบริษัทต่างๆ กว่า 100 แห่งที่มีตัวแทนพนักงานในคณะกรรมการกำกับดูแลที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร ขณะที่อีก 3,500 แห่งจำเป็นต้องนำเสนอเป้าหมายความเท่าเทียมทางเพศในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

มาตรการแบบเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้ในประเทศอื่นๆของยุโรปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนอร์เวย์ อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม มันก็ถูกวิพาษ์วิจารณ์จากเหล่านักธุรกิจชั้นนำของเยอรมนีด้วยเช่นกัน

นายอุลริช กริลโล ประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมเยอรมนี บอกว่าแม้เหล่านักธุรกิจต้องการให้ผู้หญิงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารมากขึ้น แต่ระบบโควตานี้อาจก่อผลทางตรงกันข้าม และเห็นว่าการปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติน่าจะได้ผลมากกว่า

การกำหนดโควตาสำหรับผู้หญิงได้รับการเห็นชอบโดยหลักการเมื่อปีก่อนจากสองพรรคใหญ่ในรัฐบาลผสมของเยอรมนี ได้แก่พรรคคริสเตียน เดโมแครตส์ (ซีดียู) ของนางแมร์เคิลและพรรคโซเซียล เดโมแครตส์ (เอสพีดี) พรรคฝ่ายซ้ายกลาง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิ่งตกลงกันได้ในทุกรายละเอียดเมื่อช่วงกลางเมื่อคืนวันอังคาร (25 พ.ย.) ในการหารือที่มีนางแมร์เคิลและซิกมาร์ กาเบียล รองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วย

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ยังต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาที่พรรคร่วมรัฐบาลครองเสียงส่วนใหญ่อยู่ จากนั้นก็คาดหมายว่าคณะมนตรีของนางแมร์เคิลจะลงนามในพระราชบัญญัติบังคับใช้ในวันที่ 11 ธันวาคม