เอเอฟพี – นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนรวมพลังเรียกร้องให้ประธานาธิบดี ยะห์ยา จัมเมห์ แห่งแกมเบีย ยกเลิกกฎหมายใหม่ซึ่งตั้งระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับบุคคลที่มีรสนิยม “รักร่วมเพศ”
องค์การนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) และ ฮิวแมนไรต์ วอตช์ ได้ประกาศถ้อยแถลงร่วมวานนี้(21) โดยระบุว่า กฎหมายอาญาฉบับใหม่ที่ จัมเมห์ ลงนามเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม อาจกลายเป็นเครื่องมือกดขี่ “ผู้กระทำผิดซ้ำซ้อน” หรือผู้ที่ติดเชื้อเอดส์
“กฎหมายฉบับนี้ทำให้การมีเพศสัมพันธ์แบบสมยอมและเป็นเรื่องส่วนบุคคลระหว่างพลเมืองวัยผู้ใหญ่เพศเดียวกัน กลายเป็นอาชญากรรม เช่นเดียวกับการข่มขืน และการร่วมประเวณีกับญาติสนิท” สตีฟ ค็อกเบิร์น รองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคของ เอไอ ระบุ
“กฎหมายซึ่งใช้ถ้อยคำกว้างและไม่ชัดเจนอาจกลายเป็นเครื่องมือจับกุมใครก็ตามที่ถูกเชื่อว่าเป็นเกย์หรือเลสเบี้ยน และทำให้พลเมืองเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล คนข้ามเพศ และผู้ที่มีภาวะเพศกำกวมในแกมเบีย ถูกกดขี่หนักยิ่งขึ้นไปอีก”
จัมเมห์ ซึ่งเป็นอดีตนายทหารผู้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 1994 เคยด่าทอผู้ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศหลายครั้ง และถึงกับประกาศจะ “ตัดหัว” คนเป็นเกย์ แต่ก็ถูกวิจารณ์หนักจนต้องเพิกถอนคำขู่ในภายหลัง
เมื่อปีที่แล้ว จัมเมห์ กล่าวบนเวทีสมัชชาใหญ่สหประชาชาติว่า “พวกที่สนับสนุนรักร่วมเพศกำลังทำลายการดำรงอยู่ของมนุษย์... พฤติกรรมเช่นนี้แพร่หลายเหมือนโรคระบาด เราซึ่งเป็นชาวมุสลิมและแอฟริกันจะต่อสู้เพื่อให้เรื่องเช่นนี้หมดไป”
กฎหมายแกมเบียเคยตั้งระวางโทษจำคุกสูงสุด 14 ปีสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ ก่อนที่ประธานาธิบดี จัมเมห์ จะเพิ่มบทลงโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต
ล่าสุดเมื่อวังอังคาร(18) เอไอ ได้กล่าวหาว่าสำนักงานข่าวกรองแกมเบียและหน่วยคุ้มกันประธานาธิบดีใช้วิธีทุบตีและทรมาน เพื่อบีบให้หญิง 3 คนและชาย 5 คนรับสารภาพว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ โดยหนึ่งในนั้นเป็นวัยรุ่นอายุเพียง 17 ปี
เอไอ และฮิวแมนไรต์ วอตช์ ต่างแสดงความกังวลว่าพลเมืองแกมเบียอาจถูกคุกคามอย่างไม่เป็นธรรมเพราะกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งไม่ได้ให้คำนิยามที่ชัดเจนว่า “รสนิยมรักร่วมเพศ” หรือ “การกระทำรักร่วมเพศ” คืออะไร