เอเอฟพี - ชาวโอกินาวาแสดงพลังสั่นคลอนความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-อเมริกา ด้วยการโหวตลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯ คนใหม่ที่มีนโยบายต่อต้านฐานทัพสหรัฐฯ สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับรัฐบาลแดนปลาดิบ
การเลือกตั้งพ่อเมืองโอกินาวา จังหวัดที่เป็นหมู่เกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ (16 พ.ย.) จบลงที่ชัยชนะของ "ทาเคชิ โอนากะ" ด้วยคะแนน 360,820 เสียง ทิ้งห่างคู่ต่อสู้แบบขาดลอย ขณะที่ผู้ว่าฯ คนเก่า "ฮิโรคาซุ นาคาอิมะ" ได้เพียงแค่ 261,076 คะแนน
ชัยชนะของโอนากะถือว่าเป็นหมัดเด็ดที่กระทุ้งเข้าใส่รัฐบาลกลางญี่ปุ่น เนื่องจากผู้ว่าฯ มีอำนาจที่จะคัดค้านการดำเนินงานเรื่องถมที่ดินซึ่งจำเป็นต่อการสร้างฐานทัพแห่งใหม่ของสหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองจากอิทธิพลของกองทัพสหรัฐฯ ที่มีให้แก่พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่จีนกำลังแผ่ขยายอำนาจและมีข้อพิพาทกันอยู่ แต่ชาวโอกินาวาก็ยังคงต้องการให้กำลังพลของกองทัพสหรัฐฯ ออกไปจากหมู่เกาะแห่งนี้
"ผมจะทำสิ่งที่ได้รับปากไว้ในการหาเสียงให้สำเร็จ โดยจะมองหาลู่ทางที่จะขจัดฐานทัพอากาศฟูเทนมะให้พ้นไปจากโอกินาวา และจะไม่ยอมให้มีการสร้างฐานแห่งใหม่ในเฮโนโกะ" โอนากะ กล่าวถึงพื้นที่ซึ่งจะถูกใช้สร้างเป็นฐานทัพใหม่
แผนการปิดฐานทัพฟูเทนมะแล้วย้ายไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ซึ่งห่างจากชุมชนแต่ใหญ่กว่าเดิม ได้มีการเห็นชอบกันครั้งแรกในปี 1996 เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการที่จะลดความโกรธแค้นของชาวเมือง จากกรณีที่นายทหารอเมริกันรุมโทรมนักเรียนหญิงในท้องถิ่น
แต่แผนก็ไม่คืบหน้าเพราะถูกขัดขวางโดยนักการเมืองท้องถิ่นที่ต้องการจะลดจำนวนทหารอเมริกันในพื้นที่ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ผู้ว่าฯ นาคาอิมะ ยอมที่จะหยุดคัดค้าน เพื่อแลกกับการได้รับเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่น ซึ่งชาวโอกินาวามองว่าเป็นการทรยศ และทำให้นาคาอิมะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้
ฮิเดกิ อูเอมูระ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย ริวซึ เคย์ไซ ในกรุงโตเกียว ระบุว่า ชัยชนะของโอนากะถือว่าสร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น เพราะผู้ว่าฯ ถือไพ่ใบสำคัญเอาไว้ นั่นคืออำนาจคัดค้านการถมที่ดิน
เขาอธิบายว่า หากโอนากะใช้อำนาจนี้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ก็จะทำให้นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เหลือแค่ 2 ทางเลือกที่ดูไม่ค่อยจะโสภานัก อย่างแรกก็คือใช้อำนาจควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นที่ชนะเลือกตั้ง หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องกลับไปร่างแผนการย้ายฐานทัพสหรัฐฯ กันใหม่อีกรอบ