xs
xsm
sm
md
lg

“เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” แขนขาการลงทุนของ“วอร์เร็น บัฟเฟตต์” มีรายได้ลดลง 9% ช่วงไตรมาสสาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-บริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ของนักลงทุนชื่อก้องโลก “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ตกเป็นข่าวมี “รายได้” ปรับลดลง 9 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้

รายงานข่าวในวันเสาร์ (8 พ.ย.) ระบุว่า รายได้สุทธิของเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ปรับลดลงเหลือ 4,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 151,420 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับที่เคยทำรายได้สุทธิไว้ที่ 5,050 ล้านดอลลาร์ (ราว 165,513 ล้านบาท) ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนใหญ่ของรายได้ที่หายไปของบริษัทด้านการลงทุนแห่งนี้ เกิดจาก “ความผิดพลาดในการลงทุน” ของบัฟเฟตต์ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ก่อนหน้านี้ มหาเศรษฐีชื่อดังและนักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกันรายนี้ เพิ่งตกเป็นข่าวสูญเงินมหาศาลถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,665 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาเพียง 48 ชั่วโมง หลังลงทุนผิดพลาดในหุ้นบริษัทดัง “ไอบีเอ็ม” และ “โค้ก”

โดยรายงานข่าวที่ปรากฏผ่านสื่อทั่วโลกเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาระบุว่า บัฟเฟตต์ ในวัย 84 ปี ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองมากกว่า 67,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.17 ล้านล้านบาท) มีอันต้องสูญเงินไปกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,665 ล้านบาท) จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ที่ได้ชื่อว่า เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นของบริษัทไอทีชื่อดัง International Business Machines Corporation หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อ “IBM” รวมถึง หุ้นของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำดำชื่อก้อง “โคคา-โคลา”

แหล่งข่าวในวอลล์สตรีทเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้บัฟเฟตต์ ซีอีโอแห่งบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ต้องสูญเงินก้อนโตถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน เกิดจากปัญหาการปรับพอร์ตลงทุนในระยะหลังของบัฟเฟตต์ที่เน้น “การลงทุนกระจุกตัว” ในหุ้นของ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ ไอบีเอ็ม, โคคา-โคลา, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส และเวลล์ส ฟาร์โก มากเกินไปเนื่องจากคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ในช่วงสิ้น “ไตรมาสสาม” ที่ผ่านมา จะมีกำไรอย่างสำคัญ แทนที่บัฟเฟตต์จะเลือกปรับพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง


ก่อนหน้านี้เมื่อ 17 ตุลาคม วอร์เร็น บัฟเฟตต์เพิ่งตกเป็นข่าวว่าตัดสินใจขายทิ้งหุ้นของห้างค้าปลีกดังสัญชาติอังกฤษอย่าง “เทสโก้” ที่ถือครองไว้จำนวนมากกว่า 245 ล้านหุ้นหลังจากที่บัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้นของเทสโก้สะสมไว้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา โดยเจ้าตัวระบุการตัดสินใจลงทุนในห้างค้าปลีกดังกล่าวถือเป็น “ความผิดพลาดอันใหญ่หลวง” และเป็น “การลงทุนที่โง่เขลา”
กำลังโหลดความคิดเห็น