เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - วอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกัน ตัดสินใจขายทิ้งหุ้นของห้างค้าปลีกดัง “เทสโก้” จากอังกฤษ เจ้าตัวระบุการตัดสินใจลงทุนในห้างดังกล่าวถือเป็น “ความผิดพลาดอันใหญ่หลวง”
รายงานข่าวระบุว่า บัฟเฟตต์ วัย 84 ปี ซึ่งมีทรัพย์สินในครอบครองมากกว่า 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.17 ล้านล้านบาท) และเป็นผู้บริหารบริษัทด้านการลงทุน “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ตัดสินใจ “ขายทิ้งหุ้นเทสโก้” ที่ถือครองไว้จำนวนมากกว่า 245 ล้านหุ้นแล้ว หลังจากที่บัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้นของเทสโก้สะสมไว้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
การตัดสินใจขายทิ้งหุ้นเทสโกของบัฟเฟตต์ในครั้งนี้ ส่งผลให้เวลานี้บริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ของเขาเหลือสัดส่วนการถือหุ้นของเทสโกอยู่ในมือไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม บัฟเฟตต์เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อดังอย่าง “ซีเอ็นบีซี” โดยระบุว่าการตัดสินใจของเขาในการเข้าซื้อหุ้นของเทสโก้ถือเป็น “ความผิดพลาดอันใหญ่หลวง” และเป็น “การลงทุนที่โง่เขลา”
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของวอร์เร็น บัฟเฟตต์ มีขึ้นหลังจากที่เทสโก้ประสบปัญหาอย่างหนักในการแข่งขันกับผู้ค้าปลีกรายอื่นๆ ในตลาดที่จำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าเทสโก้
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของเทสโกยังคงดิ่งเหวลงอย่างต่อเนื่องเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้วตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จากผลของยอดขายที่ตกต่ำ และการรายงานตัวเลขผลประกอบการที่ผิดพลาด “ส่อเจตนาทุจริต” จนสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก และกำลังถูกทางการอังกฤษสอบสวนถึงเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว