เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - วอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชื่อดังและนักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกัน ตกเป็นข่าวสูญเงินมหาศาลถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,665 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาเพียง 48 ชั่วโมง หลังเก็งกำไรผิดพลาดในหุ้นบริษัทดัง “ไอบีเอ็ม” และ “โค้ก”
รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังในวัย 84 ปี ซึ่งมีทรัพย์สินในความครอบครองมากกว่า 67,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.17 ล้านล้านบาท) มีอันต้องสูญเงินไปกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64,665 ล้านบาท) ตลอด 2 วันที่ผ่านมาจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ที่ได้ชื่อว่า เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การสูญเงินมหาศาลของบัฟเฟตต์ดังกล่าวภายในระยะเวลาเพียง 48 ชั่วโมงถูกระบุว่า เกิดจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดของเขาในหุ้นของบริษัทไอทีชื่อดังอย่างInternational Business Machines Corporation หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อ “IBM” รวมถึง หุ้นของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำดำชื่อก้อง “โคคา-โคลา”
รายงานข่าวระบุว่า ราคาหุ้นของไอบีเอ็มปรับร่วงลงไปกว่า 13 เปอร์เซ็นต์แล้วในปีนี้ และถูกเทขายอย่างหนักตลอด 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นของโคคา-โคลาก็ปรับร่วงไป 0.15 เปอร์เซ็นต์เมื่อปิดตลาดในวันพุธ (22 ต.ค.) ที่ผ่านมา
ด้านแหล่งข่าวในวอลล์สตรีทเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้บัฟเฟตต์ ซีอีโอแห่งบริษัท “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ต้องสูญเงินก้อนโตถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน เกิดจากปัญหาการปรับพอร์ตลงทุนในระยะหลังของบัฟเฟตต์ที่เน้น “การลงทุนกระจุกตัว” ในหุ้นของ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ ไอบีเอ็ม, โคคา-โคลา, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส และเวลล์ส ฟาร์โก มากเกินไปเนื่องจากคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ในช่วงสิ้น “ไตรมาสสาม” ที่ผ่านมา จะมีกำไรอย่างสำคัญ แทนที่บัฟเฟตต์จะเลือกปรับพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง
ก่อนหน้านี้เมื่อ 17 ตุลาคม วอร์เร็น บัฟเฟตต์เพิ่งตกเป็นข่าวว่าตัดสินใจขายทิ้งหุ้นของห้างค้าปลีกดังสัญชาติอังกฤษอย่าง “เทสโก้” ที่ถือครองไว้จำนวนมากกว่า 245 ล้านหุ้นหลังจากที่บัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้นของเทสโก้สะสมไว้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา โดยเจ้าตัวระบุการตัดสินใจลงทุนในห้างค้าปลีกดังกล่าวถือเป็น “ความผิดพลาดอันใหญ่หลวง” และเป็น “การลงทุนที่โง่เขลา”