รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯเห็นชอบให้จัดส่งทหารไปยังอิรักอีก 1,500 นาย ซึ่งเพิ่มขึ้นราวๆ เท่าตัวจากจำนวนกองกำลังแดนอินทรีในพื้นที่ซึ่งกำลังช่วยกองกำลังอิรักและชาวเคิร์ดต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทางการสหรัฐฯแถลงวานนี้ (7)
การตัดสินใจของ โอบามา ครั้งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการขยายขอบเขตของปฏิบัติการของสหรัฐฯและการแบ่งสรรกองทหารอเมริกันตามภูมิศาสตร์ โดยพวกเขาบางกลุ่มจะมุ่งหน้าไปที่จังหวัดอันบาร์ของอิรักที่ถูกรุกรานอย่างหนักเพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเป็นครั้งแรก
ความเคลื่อนไหวนี้ยังจะเพิ่มเดิมพันความเสี่ยงในการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่าง โอบามา และสภาคองเกรส หลังจากที่พรรคเดโมแครตพ่ายให้พรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งกลางเทอมสัปดาห์นี้ ทำเนียบขาวระบุว่า จะร้องของบประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ ( ราว 5.2 หมื่นล้านบาท) จากสภาคองเกรสสำหรับ “ทุนฝึกฝนและติดอาวุธของอิรัก” และอีกหลายพันล้านสำหรับปฏิบัติการต่างๆ เพื่อต่อกรกับกลุ่มไอเอส
พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บี โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ทุนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องได้รับความเห็นชอบก่อนกองกำลังเสริมชุดแรกจะมุ่งหน้าไปยังอิรัก ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งคาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์
“กองกำลังอิรักเดินหน้าปฏิบัติการจู่โจมอยู่ในตอนนี้ และสิ่งนี้ถูกกำหนดมาเพื่อช่วยให้พวกเขายังคงสามารถยืนหยัดทำเช่นนั้นต่อไปได้ เพื่อยกระดับศักยภาพของพวกเขาบนสนามรบ” เคอร์บี กล่าว พร้อมย้ำว่าจะไม่มีกองทหารราบอเมริกันรับบทบาทสู้รบ
ด้วยสัญญาณเตือนจากการรุกคืบของกลุ่มไอเอสทั่วอิรัก โอบามา ได้เริ่มต้นส่งกองทหารที่ไม่ได้มีหน้าที่สู้รบกลับไปยังอิรักเมื่อช่วงหน้าร้อนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เขาสั่งถอนทหารสหรัฐฯออกจากประเทศนี้ในปี 2011
ในช่วงการถอนทหารครั้งดังกล่าว เพนตากอนคุยโวเรื่องศักยภาพของกองทัพอิรัก แต่กองกำลังอิรักกลับไม่เหลือชิ้นดีเมื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานสายฟ้าแลบของกลุ่มไอเอส เผยให้เห็นความตึงเครียดระหว่างนิกายและกองทัพที่ขาดการบริหารจัดการ
ทางการปฏิเสธเรื่องที่วาการเสริมกำลังทหารสหรัฐฯครั้งใหม่นี้ไม่ต่างอะไรกับ “การคืบคลานของภารกิจ” และชี้ว่า มันได้มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้ว บางส่วนเป็นเพราะความพยายามของนายกรัฐมนตรี ไฮดาร์ อัล-อบาดี ของอิรักที่จะติดต่อช่วยเหลือบรรดาชนเผ่านิการสุหนี่และการที่นักบวชนิกายชีอะห์ระดับอาวุโสที่สุดของอิรักออกข้อเรียกร้องล่าสุดให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือชนเผ่าชาวสุหนี่
