xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัยชี้ “การทำงานเป็นกะ” ระยะยาว มีส่วนเกี่ยวพันอาการหลงลืม-สมองเสื่อมพลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - ผลการศึกษาที่นำออกเผยแพร่วันนี้ (4 พ.ย.) ชี้ว่า คนที่ทำงานเป็นกะเป็นเวลานาน 10 ปีขึ้นไปอาจมีอาการหลงลืม และสมองเสื่อมพลัง นอกจากนี้ งานวิจัยชิ้นนี้ยังสะท้อนความกังวลต่ออาชีพที่ต้องเสี่ยงอันตรายอีกด้วย

แม้ว่า คณะนักวิจัยที่ตีพิมพ์รายงานฉบับนี้ในวารสาร “Occupational & Environmental Medicine” จะระบุว่ายังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการทำงานของสมองได้ แต่อาจต้องใช้เวลา 5 ปีเป็นอย่างต่ำ

งานวิจัยนี้ชิ้นนี้นับเป็นการศึกษาล่าสุดที่สะท้อนถึงภัยร้ายของการทำงานเป็นกะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำให้นาฬิกาชีวภาพในร่างกายตีรวน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการศึกษาพบว่า การทำงานลักษณะนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับปัญหาสุขภาพต่างๆ อย่างแผลในกระเพาะอาหาร โรคหลอดเลือดและหัวใจ ตลอดจนมะเร็งบางชนิด

กระนั้นก็ยังแทบไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการทำงานของสมอง

คณะนักวิจัยได้ทดสอบความจำทั้งระยะสั้น และระยะยาว, ความเร็วในการประมวลผลข้อมูล และความสามารถในการรับรู้ทั้งหมด จากแรงงานที่ยังทำงานเป็นกะในปัจจุบัน และที่เกษียณอายุแล้วรวมกว่า 3,000 คน โดยประชากรตัวอย่างกลุ่มนี้ทำงานในภาคส่วนต่างๆ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ในปี 1996, 2001 และ 2006

เมื่อทำการทดลองครั้งแรก กลุ่มตัวอย่างราวครึ่งหนึ่งซึ่งมีอายุ 32, 42, 52 และ 62 นั้นทำงานเป็นกะ โดยถูกจัดประเภทเป็นงานกลางคืน หรือกะที่มีการสลับสับเปลี่ยนในช่วงเช้า บ่าย และกลางคืน

เมื่อเวลาผ่านไป นักวิจัยได้เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในผลการทดลองระหว่างคนทำงานทั้งสองกลุ่ม (งานกลางคืน และงานที่ทำเป็นกะ) นักวิจัยก็พบว่าการทำงานเป็นกะมีความเชื่อมโยงกับ “ความบกพร่องในการรับรู้เรื้อรัง”

“ความเชื่อมโยงกัน (ระหว่างการทำงานเป็นกะ กับความบกพร่องในการรับรู้) ปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ในกลุ่มพนักงานที่ทำงานเป็นกะนานกว่า 10 ปี” ซึ่งพวกเขาชี้ว่า พฤติกรรมนี้ส่งผลให้การทำงานของสมองเสื่อมถอยเกินอายุสมองจริงไป 6.5 ปี

นอกจากนี้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นด้วยว่า “การฟื้นฟูกระบวนการรับรู้ของสมอง หลังลาออกจากการทำงานเป็นกะนั้นต้องอาศัยเวลาอย่างน้อย 5 ปี”

อย่างไรก็ตาม คณะนักวิจัยกล่าวว่า การศึกษานี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า การทำงานเป็นกะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสามารถในการรับรู้เสื่อมถอย ถึงแม้ว่าจะดูมีเหตุผลให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นอยู่มาก แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยลงลึกกันต่อไป

นักวิจัยสรุปว่า การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงกระตุ้นเตือนผู้ที่ทำงานเป็นกะ ถึงปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาเป็นรายบุคคลเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักแก่สังคม พร้อมกันนี้พวกเขาได้ชี้ว่า อาชีพที่ต้องทำงานในเวลากลางคืนท่ามกลางสภาวะที่เสี่ยงอันตรายสูงกำลังมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“การค้นพบในตอนนี้สะท้อนให้เห็นความสำคัญของการคอยเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพของบรรดาแรงงานที่ทำงานเป็นกะ โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ยังต้องทำงานเป็นกะ 10 ปีขึ้นไป”

กำลังโหลดความคิดเห็น