เอเจนซีส์ - นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมค้นพบอีโบลาย้ำความกังวลว่า มีโอกาสสูงที่ไวรัสนี้จะระบาดในแดนมังกร เนื่องจากมีคนงานจีนจำนวนมากเดินทางไปและกลับจากแอฟริกา ขณะที่ทางการปักกิ่งตระหนักถึงประเด็นนี้เป็นอย่างดี และสั่งการให้มณฑลกวางตุ้งเป็นด่านหน้าในการสกัดกั้นไม่ให้ไวรัสร้ายลุกลามเข้าสู่แผ่นดินใหญ่
ปีเตอร์ พิออต หนึ่งในคณะนักวิจัยซึ่งค้นพบเชื้อไวรัสอีโบลา และปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการของสถาบันสุขวิทยาและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) กล่าวในการสัมมนาซึ่งมุ่งเน้นเรื่องโรคอีโบลาที่กรุงโตเกียวเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ส.ค.) ว่า เวลานี้มีคนงานจีนและประชาชนชาวจีนจำนวนนับพันนับหมื่นคนอยู่ในแอฟริกา การที่มีผู้คนจำนวนมากเดินทางไป-มาระหว่างสองภูมิภาค จึงเพิ่มโอกาสในการระบาดของโรค ทั้งนี้เขาบอกว่า เขาเป็นห่วงเรื่องคนจีนจากแอฟริกาเดินทางกลับบ้าน มากกว่าการที่มีชาวแอฟริกาจำนวนมากอยูในประเทศจีน
“ผมไม่คิดว่าคุณสามารถที่จะหยุดยั้งไม่ให้ประชาชนเดินทางไปๆ มาๆ ได้จริงๆ หรอก ดังนั้นจึงจะมีคนป่วยไปปรากฏตัวขึ้นในประเทศใดก็ได้ในโลกนี้ ทว่าผมคิดว่าจีนเป็นจุดที่ค่อนข้างอ่อนเปราะมาก” พิออตกล่าว ซึ่งโดยสาระสำคัญก็ไม่ต่างจากสิ่งที่เขาพูดไว้ ในระหว่างการเข้าร่วมสัมมนาที่ฮ่องกงเมื่อต้นสัปดาห์นี้
พิออตยอมรับว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดของจีนมีการปรับปรุงดีขึ้น และทางการเต็มใจเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงด้านสาธารณสุขมากขึ้นนับจากโรคซาร์สระบาดในปี 2002 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 800 คน และติดเชื้อราว 8,000 คนทั่วโลก
กระนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่า นับจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีคนกว่า 8,600 คนเดินทางจากประเทศที่อีโบลาระบาดเข้าสู่มณฑลกวางตุ้งของจีน และมีเที่ยวบินเชื่อมต่อประเทศเหล่านั้นกับกวางตุ้งเดือนละ 190 เที่ยว ซึ่ง 60% ของผู้โดยสารมาจากแอฟริกาตะวันตก เป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ทางการจีนเองตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีจึงสั่งการให้เมืองกวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่โรคซาร์สและไข้หวัดนกระบาดอย่างหนัก เป็นด่านหน้าความพยายามในการป้องกันอีโบลา
เจ้าหน้าที่กวางตุ้งเผยว่า ได้ขยายกระบวนการตรวจหาผู้ต้องสงสัยติดเชื้อที่ท่าอากาศยานและท่าเรือ และกำหนดให้โรงพยาบาล 27 แห่งเป็นศูนย์รักษาหากพบผู้ป่วยอีโบลา นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้เดินทางจากประเทศที่โรคนี้ระบาดต้องให้ข้อมูลการติดต่อไว้กับเจ้าหน้าที่
จนถึงขณะนี้ จีนยังไม่พบผู้ได้รับการยืนยันติดเชื้ออีโบลา มีเพียงผู้ต้องสงสัยหลายคนที่ถูกกักตัวเพื่อสังเกตอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งผลออกมาว่าไม่ได้ป่วยด้วยโรคนี้
ในสัปดาห์นี้ เมืองกวางโจวมีการจัดงานแสดงสินค้า ซึ่งถือเป็นมหกรรมการค้าใหญ่ที่สุดในจีน ก็มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสวมชุดป้องกันเต็มที่คอยตรวจผู้เข้าชมงานเพื่อหาผู้ที่แสดงอาการติดเชื้ออีโบลา ซึ่งล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 5,000 ราย ส่วนใหญ่อยู่ใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของมณฑลกวางตุ้งได้ตรวจผู้ที่เดินทางจากแอฟริกาตะวันตกราว 50 คน และได้ผลออกมาเป็นลบทั้งหมด
สิ่งที่ทางการจีนกังวลอย่างมากคือ พ่อค้าชาวแอฟริกาในกวางโจว ซึ่งมีเป็นจำนวนมากที่เดินทางจากแอฟริกาตะวันตกสู่กวางโจว ที่ป็นตลาดสินค้าราคาถูกซึ่งส่งออกไปยังแอฟริกาที่กำลังเติบโตอย่างมาก
ขณะนี้มีชาวแอฟริกาอาศัยอยู่ในกวางโจวราว 15,000 คน แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งรายงานจากบางแหล่งระบุตัวเลขสูงกว่านี้ถึง 10 เท่า ขณะที่หนังสือพิมพ์กวางโจว เดลี่ของทางการ ระบุว่า มีชาวแอฟริกาเดินทางสู่กวางโจวถึง 438,000 คนนับจากเดือนมกราคมถึงเดือนปัจจุบัน
แฟรงค์ พ่อค้าจากไนจีเรียที่อาศัยในจีนมานานถึง 10 ปี เผยว่า อีโบลาเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับชาวแอฟริกามากมายที่ลักลอบอาศัยในกวางตุ้ง ทำให้น่าเป็นห่วงว่า หากคนเหล่านี้ติดเชื้ออีโบลา อาจไม่กล้าไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐบาล
นอกจากนี้ แม้ทางการกวางโจวออกโครงการรณรงค์เตือนภัยอีโบลา แต่ชาวแอฟริการ้องเรียนว่า ได้รับข้อมูลน้อยมาก
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29) สื่อของทางการจีนรายงานว่า ตามมาตรการใหม่ที่บังคับใช้ ผู้ที่เดินทางกลับสู่ปักกิ่งจากประเทศที่อีโบลาระบาด จะต้องกักบริเวณตัวเองภายในบ้าน 21 วันและตรวจวัดไข้วันละ 2 ครั้ง หากเคยใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคนี้
กระทรวงสาธารณสุขจีนยังระบุให้สนามบินหลักในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว เป็นจุดสำคัญในการคัดกรองความเสี่ยง