เอเจนซีส์ - คนงานจีนจำนวน 13 คน ล้มป่วยด้วยโรคลิวคีเมีย และมี 5 ราย เสียชีวิตในโรงงานผลิตโทรศัพท์ไอโฟน 6 รุ่นล่าสุด และหนึ่งในนั้นเข้าทำงานในโรงงานฐานการผลิตที่เสิ่นเจิ้นได้เพียง 4 เดือนเท่านั้นทำให้บริษัทแอปเปิลภายใต้การบริหารของทิม คุก ต้องเข้าตรวจสอบ ในขณะญาติผู้เสียชีวิตสงสัยว่าสารเคมีทำความสะอาดอาจเป็นตัวการคร่าชีวิต
สื่ออังกฤษรายงานว่า บริษัทแอปเปิลของสหรัฐฯ ต้องลงมือตรวจสอบหลังพบการเสียชีวิตของคนงานชาวจีนในวัยเริ่มต้นการทำงานด้วยโรคลิวคีเมียที่โรงงานฐานการผลิตโทรศัพท์มือถือไอโฟนในเสิ่นเจิ้น
แอปเปิลพบว่าคนงานอย่างน้อย 13 คนที่มีช่วงอายุวัยรุ่นตอนปลายไปจนถึง 20 ปีตอนต้นตรวจพบมะเร็งในเม็ดเลือดขาวหลังล้มป่วยตั้งแต่ปี 2010 และมีคนงานจำนวนอย่างน้อย 5 คนเสียชีวิตในช่วงอายุที่แพทย์วินิจฉัยว่า “ยากที่จะพบ”
ครอบครัวคนงานจีนและ Labour Action China กลุ่มสิทธิแรงงานต่างลงความเห็นว่า สารเคมีในกระบวนการทำความสะอาดแผงอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวการเกิดโรคลิวคีเมีย และคาดว่าต้องมีคนงานจำนวนมากกว่านี้ที่จะได้รับผลกระทบ และยังเผยต่อว่า คนงานที่ป่วยด้วยโรคลิวคีเมียถูกไล่ออกหลังจากนั้น และปฏิเสธให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาทำให้ครอบครัวของคนงานเหล่านั้นต้องล้มละลายผลจากหนี้ก้อนโตในการรักษา
ด้านแอปเปิลเปิดแถลงจะทำการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดหลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมาในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ทิม คุก ซีอีโอของบริษัท ได้เปิดตัวโทรศัพท์ไอโฟน 6 รุ่นล่าสุด และแน่นอนที่สุดว่าจะต้องผลิตออกมาโรงงานเจ้าปัญหาแห่งนี้ในเซินเจิ้นที่มีศักยภาพการผลิตโทรศัพท์ไอโฟนได้ราว 2 ล้านเครื่องต่อสัปดาห์ด้วยกำลังคนงานจีน 230,000 คนที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ
สื่ออังกฤษรายงานว่า โรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ข้ามชาติรายอื่นๆ เช่นกัน แต่สำหรับบริษัทแอปเปิลได้เริ่มใช้ฐานการผลิตแห่งนี้ในการผลิตโทรศัพท์มือถือไอโฟนตั้งแต่รุ่นแรกในปี 2007 เป็นต้นมา
ข่าวการพบผู้ป่วยลิวคีเมียเกิดขึ้นหลังจากในเดือนที่ผ่านมา แอปเปิลประกาศยกเลิกการใช้สารเคมี benzene และ n-hexane ในกระบวนการสุดท้ายของการผลิตไอโฟน และไอแพด
บริษัท Foxconn เจ้าของโรงงานในเสิ่นเจิ้นได้ส่งตัวแทนของบริษัทเข้าพบกับLabour Action China ที่ฮ่องกงเพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคลิวคีเมียในคนงานของโรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม Foxconn สัญชาติไต้หวันยืนยันว่า ปัจจัยความเชื่อมโยงระหว่างการล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวและลักษณะการทำงานของคนงานที่โรงงานเสิ่นเจิ้นซึ่งล้มป่วยดูยังไม่ชัด เพราะโรงงานแห่งนี้รับจ้างผลิตให้กับบริษัทเครื่องไฟฟ้าชั้นนำรายอื่นๆ อีกด้วย และเสริมต่อว่าทางโรงงานไม่ได้ใช้ benzene และ n-hexane ในสายการผลิตนานหลายปีแล้ว
นอกจากนี้ Foxconn ยังอ้างต่อไปว่า อัตราการพบโรคลิวคีเมียในโรงงานทั่วจีนมีอัตราที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเฉลี่ยประจำปี โดยพบว่ามีผู้ป่วยลิวคีเมีย 3 คนทุก 100,000 คนทั่วโลก ซึ่งจำกัดอยู่ในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ
แต่คนงานของ Foxconn จำนวน 13 คนที่ตรวจพบโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวมีช่วงอายุ 19-24 ปี และยังทำงานในแผนกสายการผลิตหรือใกล้กับสายการผลิตของไอโฟน และผลิตภัณฑ์อื่นของแอปเปิลที่โรงานหลงหัว (Longhua) และโรงงานกังลัน (Ganglan) ในเซินเจิ้น Labour Action China กลุ่มสิทธิมนุษชนเพื่อแรงงานจีนแถลง
ด้านครอบครัวของคนงานที่ได้รับผลกระทบกล่าวว่า คนงานเหล่านั้นสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งและสวมหน้ากากเมื่อทำงานกับสารเคมีทุกวัน แต่ไม่เคยรับรู้ถึงอันตรายที่พวกเขาหรือเธออาจจะได้รับจากการทำงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตรายโดยตรงเหล่านั้น และยังไม่เคยได้รับคำอธิบายให้รับทราบถึงชื่อและประเภทของสารเคมี
และเมื่อคนงานโรงงานเสิ่นเจิ้นเกิดล้มป่วยและตรวจพบลิวคีเมีย ครอบครัวของคนงาน 2 คนจากทั้งหมดได้เปิดเผยว่า คนงานที่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพเหล่านั้นถูกบังคับให้ออกจากงานโดยทาง Foxconn จ่ายเงินชดเชยให้เพียง 3 เดือน พร้อมปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
เฟง ฮงกัน (Feng Honggan) เป็นหนึ่งในคนงานที่ล้มป่วยหลังจากเข้าทำงานที่โรงงานของ Foxconn ในเสิ่นเจิ้นได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น และเขาต้องถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินหลังมีเลือดทะลักออกทางจมูกในเดือนมิถุนายน 2011 และได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคลิวคีเมีย และเสียชีวิตในเวลาต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2013 ด้วยอายุเพียง 20 ปี
ทั้งพ่อและแม่ของเขาในวัย 50 ปีจากที่เคยมีรายได้ด้วยการให้เช่าที่ทำการเกษตรในกานซู (Gansu )ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน แต่ปัจจุบันนี้คนทั้งคู่ต้องทำงานกวาดถนนในเมืองเสิ่นเจิ้นเพื่อจ่ายหนี้ค่ารักษาของลูกชายร่วม 80,000 ปอนด์
ทั้งนี้ ฮงกันทำหน้าที่ส่งวัสดุและเคมีภัณฑ์ให้แก่พนักงานสายการผลิต และในขณะทำงานเขาสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งและหน้ากาก ซึ่งเจ้านายของฮอกันยืนยันกับเขาว่า สารเคมีที่เขาทำงานด้วยนั้น “ปลอดภัย” บิดาฮงกันกล่าว และเผยต่อว่า “ผมได้คุยกับคนไข้รายอื่นและญาติของผู้ป่วยรายอื่น และพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จำนวนไม่ตำกว่า 12 คนทำงานให้กับ Foxconn”
และบิดาของเหยื่อลิวคีเมียวัย 20 ปีกล่าวต่อว่า ตัวแทนจาก Foxconn เดินทางมาพบฮงกันที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมดูอาการในครั้งแรก และเดินทางมาพบอีกครั้งเพื่อมอบเงินจำนวน 2,100 ปอนด์ พร้อมกับกล่าวว่า “นี่เป็นเงินช่วยเหลือค่ารักษาจากทางโรงงาน” และหลังจากนั้นตัวแทนของ Foxconn ไม่เคยกลับมาอีกเลย และนั้นเป็นเงินช่วยเหลือก้อนเดียวที่ลูกชายของเขาได้รับ และ 3 เดือนหลังจากการเสียชีวิตของฮงกัน ทาง Foxconn ได้หยุดการจ่ายเงินเดือนลูกชายของคนทั้งคู่ รวมถึงประกันสังคม
จึงทำให้บิดาของเหยื่อลิวคีเมียวัย 20 ปีต้องเข้าร้องเรียนกับรัฐบาลท้องถิ่นเสิ่นเจิ้นเพื่อให้ทางการระบุว่าการเสียชีวิตของฮงกันเกิดมาจากการทำงานในโรงงานของFoxconn แต่กลับกลายเป็นว่า รัฐบาลท้องถิ่นของจีนเข้าข้าง Foxconn และชี้แจงเขาด้วยลายลักษณ์อักษรว่า Foxconn มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่สะอาดและได้ผ่านมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยการใช้สารเคมีในโรงงานจากรัฐบาลจีน
ด้านซูกิ ชัง (Suki Chung) ผู้อำนวยการบริหารของ Labour Action China ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษว่า นี่เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง โดยเธอเชื่อว่าต้องมีคนงานของ Foxconn ล้มป่วยมากกว่าที่ปรากฏอยู่แค่ 13 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนงานเมื่อล้มป่วยมักจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาหลังโดนให้ออกจากงาน และเข้ารับการรักษาด้วยสวัสดิการฟรีของรัฐที่ทั้งโรงพยาบาลเหล่านั้นขาดอุปกรณ์การแพทย์และยาที่จะสามารถรักษาอาการป่วยพวกเขาหรือเธอได้
แจ็กกี เฮย์น (Jacky Haynes) ผู้อำนวยการอาวุโสด้านซัปพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิลยืนยันผ่านอีเมลต่อ Labour Action China ว่า “ทางแอปเปิลต้องการตรวจสอบเรื่องพบคนงานป่วยด้วยโรคลิวคีเมียอย่างจริงจัง และทางบริษัทจะร่วมมือกับ Foxconn เพื่อสืบหาความจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างต่อไป”
ก่อนหน้านี้ที่แอปเปิลประกาศยกเลิกการใช้สารเคมี 2 ชนิดในสายการผลิตของบริษัท โดยแอปเปิลแถลงถึงผลการตรวจสอบภายในระยะเวลา 4 เดือนในโรงงานฐานการผลิต 22 แห่ง แต่ไม่พบว่าพนักงานราว 500,000 คนที่ทำงานอยู่ไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการผลิตแต่อย่างใด