เอเอฟพี/รอยเตอร์ - นายพลระดับสูงแห่งกองทัพจีนในวันพฤหัสบดี (15) ประกาศกร้าวจะปกป้องแท่นขุดเจาะน้ำมันในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทกับฮานอย และจะคุ้มกันให้มันสามารถปฏิบัติงานได้ต่อไป แม้เผชิญการประท้วงอันโกรธเกรี้ยวในเวียดนาม ที่ลุกลามกลายเป็นจลาจลเผาและโจมตีโรงงานในหลายเมืองรวมถึงบุกเข้าไปไล่ล่าตามหาคนงานชาวจีน
“สิ่งที่เราจะทำคือ ให้คำรับประกันความปลอดภัยกับแท่นขุดเจาะน้ำมันและคุ้มกันให้มันยังคงปฏิบัติงานต่อไปได้” พล.อ.ฟาง เฟิงฮุ่ย ประธานเสนาธิการใหญ่ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน แถลงกับผู้สื่อข่าวหลังหารือกับ พล.อ.มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ ที่เพนตากอน
เขาให้สัมภาษณ์ผ่านล่าม อ้างว่าเวียดนามส่งเรือหลายลำเข้าก่อความวุ่นวายแก่ปฏิบัติการขุดเจาะน้ำมัน “และมันเป็นอะไรที่เรามิอาจยอมรับได้”
ความเห็นของเขามีขึ้น หลังจากกระแสต่อต้านปักกิ่งในเวียดนามลุกลามอย่างรุนแรง โดยเกิดเหตุคนงานประท้วงใน 22 จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ และเป็นผลให้คนงานชาวจีนเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บหลายร้อย ขณะที่ฝูงม็อบที่โกรธกริ้วบุกทำลายทรัพย์สินและเผาโรงงานต่างๆ ที่มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ
พล.อ.ฟาง กล่าวว่า จีน ได้แสดงถึงความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดในทะเลจีนใต้ และจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมัน หลังจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้เริ่มขุดเจาะไปนานแล้ว “เราเชื่อว่าการขุดเจาะน้ำมันของจีนในน่านน้ำของตนเอง ไม่ได้มีปัญหาใดๆเลย”
ทั้งนี้ เวียดนามไม่ยอมรับว่าน่านน้ำบริเวณดังกล่าวอยู่ภายใต้อาณัติของจีน
ระหว่างการแถลงข่าวสั้นๆ พล.อ.ฟางยังได้บ่งชี้ว่ายุทธศาสตร์สร้างสมดุลใหม่แก่เอเชียของอเมริกา ถูกนำไปใช้แสวงหาประโยชน์โดยบางประเทศที่ต้องการทดสอบอำนาจทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของจีน “เพื่อนบ้านของเราบางประเทศพยายามใช้โอกาสที่สหรัฐฯ ใช้ยุทธศาสตร์สร้างสมดุลใหม่ ปั่นป่วนปัญหาในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก”
ในขณะที่นายฟางเข้าหารือกับประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ ที่เพนตากอน อีกด้านหนึ่งวันเดียวกัน ทางกระทรวงต่างประเทศอเมริกาก็ย้ำถึงคำประณามที่มีต่อการเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันไปยังน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทกับเวียดนามของจีน ว่าเป็นการยั่วยุ “การกังวลอย่างยิ่งกับพฤติกรรมที่เป็นอันตรายและข่มขู่ลักษณะนี้” แมรี ฮาร์ฟ โฆษกระบุ
เมื่อต้นเดือนนี้จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึกไปยังน่านน้ำใกล้ๆ หมู่เกาะพาราเซลในทะเลจีนใต้ ซึ่งแย่งชิงกรรมสิทธิ์อยู่กับเวียดนาม กลายเป็นการจุดกระแสต่อต้านจีนครั้งรุนแรงที่สุดในเวียดนามในรอบหลายสิบปี เริ่มจากการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองใหญ่ในวันอาทิตย์ (11) ทั้งที่ปกติแล้วทางการฮานอยจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จากนั้นก็ยิ่งบานปลายกลายเป็นม็อบไล่เผาโรงงานต่างชาติตั้งแต่วันอังคารกระทั่งถึงคืนวันพุธ (13-14) ในจังหวัดบินห์เยืองและด่งนาย
รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุน บุย กวาง วิญ ของเวียดนามแถลงในวันพฤหัสบดี (15) ว่า การประท้วงของคนงานปะทุขึ้นใน 22 จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ เฉพาะที่จังหวัดบินห์เยือง มีโรงงานได้รับความเสียหาย 460 แห่ง พร้อมเรียกร้องให้ใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อฟื้นสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติก่อนที่นักลงทุนต่างชาติจะหนีเตลิดออกจากเวียดนาม
สำหรับเหตุจลาจลใหญ่ที่สุดนั้นเกิดขึ้นในวันพุธ (14) ที่โรงงานผลิตเหล็กกล้าของฟอร์โมซา พลาสติกส์ กรุ๊ป กลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ในจังหวัดห่าติ๋ง ทางภาคกลางของประเทศ และอยู่ห่างจากฮานอยลงมาทางใต้ประมาณ 350 กิโลเมตร
หวง ฉีเผิง ผู้แทนสูงสุด หรือก็คือเอกอัครราชทูตในทางพฤตินัยของไต้หวันประจำเวียดนาม ซึ่งได้พูดคุยกับคณะผู้บริหารจำนวนหนึ่งของโรงงานแห่งนี้ แถลงในวันพฤหัสบดี (15) ว่า ฝูงชนชาวเวียดนามจำนวน 1,000 คนได้บุกเข้ามาจุดไฟเผาอาคารหลายแห่ง และออกไล่ล่าตามหาคนงานชาวจีน เขาบอกด้วยว่า ขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดทั้งด้านการบริหารราชการและความมั่นคงของจังหวัดเดินทางมายังโรงงาน แต่ไม่มีการสั่งการขั้นเด็ดขาดเพื่อระงับเหตุ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของห่าติ๋งบอกว่า คนงานจีนเพศชายคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุจลาจลคราวนี้ สอดคล้องกับหวงซึ่งระบุว่าเขาได้รับแจ้งเช่นนี้ นอกจากนั้นยังมีคนงานจีนอีกราว 90คนได้รับบาดเจ็บ
ทว่า สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแพทย์คนหนึ่งจากโรงพยาบาลห่าติ๋ง และรายงานของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า เหตุจลาจลที่โรงงานฟอร์โมซาทำให้คนงานเสียชีวิต 21 คน โดยเป็นคนงานเวียดนาม 5 คน ที่เหลือเป็นคนงานจีน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 100 คน