เอเจนซีส์ - โจโค วิโดโด ผู้นำแดนอิเหนาคนแรกที่ไม่ได้มาจากกลุ่มชนชั้นสูงทางการเมืองและการทหาร สาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (20 ต.ค.) พร้อมเรียกร้องให้คู่แข่งทางการเมืองหันหน้ามาร่วมมือปฏิรูปประเทศ ขณะที่ผู้สังเกตการณ์ให้จับตาบททดสอบแรก ได้แก่การยุติการอุดหนุนราคาน้ำมัน และการฟื้นเศรษฐกิจซึ่งอัตราเติบโตกำลังอยู่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี
วิโดโด ที่รู้จักกันดีในชื่อ “โจโควี” เป็นนักการเมืองที่พูดจานอบน้อมและเติบโตมาจากย่านสลัมริมน้ำ เขาเข้าทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งท่ามกลางสักขีพยานทรงเกียรติ เป็นต้นว่า จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ, นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ของออสเตรเลีย, นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย และ ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์
โจโควี ชนะการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยที่ต้องเชือดเฉือนอย่างคู่คี่กับอดีตนายพลปราโบโว ซูเบียงโต เขาถือเป็นผู้นำคนแรกที่ไม่มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองกับยุคซูฮาร์โต ผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจมายาวนานหลายสิบปีและพ้นตำแหน่งไปในปี 1998
สามัญชนชาวอิเหนาจำนวนมากฝากความหวังไว้กับวิโดโด ซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นผู้นำรุ่นใหม่และติดดิน ในการกุมหางเสือประเทศประชาธิปไตยใหญ่อันดับ 3 ของโลก แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลอย่างสูงเช่นกันว่า รัฐสภาซึ่งฝ่ายค้านครอบงำอยู่ อาจทำให้ประธานาธิบดีใหม่ไม่สามารถผ่านกฎหมายปฏิรูปเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้
อาจจะด้วยเหตุนี้ ในระหว่างกล่าวปราศรัยหลังพิธีสาบานตนต่อรัฐสภา วิโดโด อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา และผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์วัย 53 ปี จึงได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาร่วมมือร่วมใจกันเพื่อประเทศชาติ รวมทั้งกล่าวถึง ปราโบโว ว่าเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุด” และอดีตนายพลผู้นี้ได้ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ ซึ่งถือเป็นสัญญาณล่าสุดว่า ความบาดหมางของคนทั้งคู่อาจเริ่มเจือจางลงแล้ว
หลังเสร็จพิธีสาบานตน วิโดโดขึ้นรถม้าตระเวนไปรอบกรุงจาการ์ตา เพื่อพบปะฝูงชนมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดี โดยตำรวจคาดว่า มีประชาชนราว 50,000 คนออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนน และน่าจะมีคนออกมาเพิ่มขึ้นอีกในช่วงกลางคืนระหว่างฟรีคอนเสิร์ตของศิลปินระดับหัวแถวของประเทศ เพื่อเอาใจประธานาธิบดีที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เพลงเฮฟวี่เมทัล โดยทางการได้จัดเตรียมกำลังทหารและตำรวจราว 24,000 คนรักษาความปลอดภัยภายในเมืองหลวง
กระนั้น ช่วง “ฮันนีมูน” ของวิโดโด มีแนวโน้มจบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีภารกิจโหดหินรออยู่มากมาย ทั้งอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจซึ่งย่ำแย่สุดในรอบ 5 ปี, ปัญหาคอร์รัปชั่น, รวมถึงความกังวลว่า กลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) อาจแทรกซึมเข้าไประดมรับสมัครนักรบหัวรุนแรงรุ่นใหม่ๆ ในอินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก
ทั้งนี้ การเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานของเคร์รี ส่วนหนึ่งยังมีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องความสนับสนุนจากอินโดนีเซียและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการต่อสู้กับนักรบญิฮัดหัวรุนแรง ที่ขณะนี้กำลังยึดครองพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรีย
วิโดโดนั้นตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจไว้ที่ 7% ซึ่งจะทำได้สำเร็จ ต้องอาศัยมาตรการปฏิรูปที่กล้าหาญมารองรับ เพื่อให้สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งยังต้องการสภาพแวดล้อมภายนอกที่เอื้ออำนวย แต่ปัญหาก็คือ คาดกันว่า ปีหน้าอเมริกาจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ย อันจะส่งผลให้เงินทุนไหลกลับออกไปจากพวกประเทศกำลังพัฒนา และชาติตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งหลายน่าจะปั่นป่วนวุ่นวาย
ระหว่างการปราศรัยในพิธีสาบานตน วิโดโดประกาศคงนโยบายต่างประเทศที่เสรีและจริงจัง หยุดยั้งพลเมืองไม่ให้เดินทางไปร่วมรบกับนักรบหัวรุนแรงในอิรักและซีเรีย บริหารความสัมพันธ์กับจีนและออสเตรเลีย
ผู้นำคนใหม่ยังมีแผนทำให้อินโดนีเซีย ซึ่งประกอบด้วยหมู่เกาะถึง 13,500 เกาะ เป็นมหาอำนาจทางทะเล ด้วยการขยายท่าเรือซึ่งจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจด้วยอีกทอดหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีการหาเงินทุนมาดำเนินโครงการนี้ก่อน
บททดสอบแรกสำหรับวิโดโดคือ การลดมาตรการชดเชยราคาเชื้อเพลิงที่กำลังเป็นภาระหนักกินเข้าไปถึง 1 ใน 5 ของงบประมาณ โดยที่เขาต้องแก้ไขเรื่องนี้ภายใน 2 สัปดาห์เพื่อไม่ให้เกินขอบเขตตามกฎหมายเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การลดการชดเชยมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วง
นอกจากนี้ ความหวังในการผลักดันมาตรการปฏิรูปของวิโดโดยังริบหรี่ลง หลังจากเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้สนับสนุนปราโบโวในสภา อาศัยเสียงข้างมากล้มล้างการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นโดยตรง แถมยังคว้าตำแหน่งสำคัญในสภาไปครอง
แม้ปราโบโวไปร่วมพิธีสาบานตนของวิโดโด และทั้งคู่พบกันโดยไม่คาดคิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17) ที่ปราโบโวประกาศจะให้การสนับสนุนวิโดโด แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า อดีตนายทหารใหญ่ผู้นี้จะยังคงขัดขวางนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ รวมทั้งมีแผนโค่นอำนาจวิโดโดในช่วงกลางเทอม
