เอเอฟพี – โจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซียคนแรกซึ่งปราศจากความเชื่อมโยงกับระบอบเผด็จการทหารยุคนายพลซูฮาร์โต ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้(20) พร้อมเชิญชวนทุกฝ่ายรวมถึงอดีตคู่แข่งทางการเมืองให้มามีส่วนร่วมผลักดันการปฏิรูปบ้านเมือง
พิธีสาบานตนซึ่งมีบุคคลสำคัญจากต่างประเทศตบเท้าเข้าร่วม เช่น นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย และ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถือเป็นการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของนักการเมืองผู้มีวาจานุ่มนวล และเติบโตขึ้นมาจากชุมชนแออัดริมแม่น้ำ
วิโดโด หรือที่ชาวจาการ์ตาเรียกกันติดปากว่า “โจโควี” ค่อยๆ ไต่เต้าจากสนามการเมืองท้องถิ่นจนมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยได้คะแนนตีคู่สูสีมากับ พล.ท. ปราโบโว สุเบียนโต นายทหารจากขั้วอำนาจเก่า
อดีตพ่อเมืองจาการ์ตาผู้นี้ถือเป็นผู้นำอิเหนาคนแรกที่ไม่ได้เป็นลูกหม้อกองทัพ ซึ่งที่ผ่านมาได้ผูกขาดสถาบันประธานาธิบดีมาเกือบ 20 ปี แม้ยุคนายพลซูฮาร์โตที่ยืนยงกว่า 3 ทศวรรษจะสิ้นสุดลงไปตั้งแต่ปี 1998 ก็ตาม
อย่างไรก็ดี พรรคการเมืองต่างๆที่เคยต่อต้าน วิโดโด ในช่วงเลือกตั้งยังคงกุมอำนาจในรัฐสภา อีกทั้ง วิโดโด ก็ยังเป็น “มือใหม่” ในสนามการเมืองระดับชาติ ดังนั้น การจะผลักดันแผนปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยเหลือพลเมืองที่ยากจนที่สุดในสังคม อาจไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
วิโดโด ซึ่งสวมสูทสีดำสนิทและหมวกทรงสูงแบบชายอินโดนีเซีย ยืนเคารพเพลงชาติเคียงข้างอดีตประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน ซึ่งได้เวลาอำลาตำแหน่งหลังจากบริหารประเทศมานานถึง 1 ทศวรรษ ก่อนที่จะกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ
สุนทรพจน์แรกของเขาในฐานะประธานาธิบดีเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรวมใจเป็นหนึ่งเดียว หลังจากที่ได้ต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดในสนามเลือกตั้งที่ผ่านมา
“ความสามัคคีและการร่วมมือกัน คือเงื่อนไขจำเป็นที่จะช่วยให้เราเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ได้” อดีตพ่อค้าเฟอร์นิเจอร์วัย 53 ปีผู้มีบุคลิกติดดินจนได้ใจประชาชนอย่างกว้างขวางระหว่างที่เป็นผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา แถลงต่อรัฐสภา
“เราจะเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เลย หากยังยึดติดอยู่กับความแตกแยก”
“เวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่เราจะก้าวเดินไปด้วยกัน เพื่อทำงาน และทำงาน” วิโดโด กล่าวย้ำ และยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลของเขาจะพร้อมที่จะช่วยเหลือพลเมืองทุกกลุ่มทั่วทั้งหมู่เกาะอินโดนีเซีย
ประธานาธิบดีคนใหม่ยังเอ่ยถึง ปราโบโว ว่าเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุดของผม” ซึ่งนายพลโทผู้นี้ก็ได้สนองไมตรีด้วยการลุกขึ้นยืนและทำวันทยหัตถ์ นับเป็นสัญญาณคืนดีล่าสุดระหว่างทั้งคู่ หลังจากที่ ปราโบโว เคยออกมารับความพ่ายแพ้อย่างไม่เต็มใจ และฝ่ายสนับสนุนเขาในสภาก็ขู่จะเตะแข้งเตะขาไม่ให้แผนปฏิรูปของ วิโดโด ดำเนินไปอย่างราบรื่น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองเช่นกันว่า ท่าทีหวานชื่นระหว่าง วิโดโด กับ ปราโบโว อาจไม่ยืดยาวนัก
ชาวอินโดนีเซียนับหมื่นๆ คนออกมาจับจองพื้นที่ริมฝั่งถนนทั่วทั้งกรุงจาการ์ตาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับ วิโดโด ซึ่งจะนั่งรถม้าวนรอบเมืองพร้อมกับรองประธานาธิบดี ยูซุฟ คัลลา ไปยังทำเนียบประธานาธิบดี
ในช่วงเย็น วิโดโด ซึ่งเป็นแฟนเพลงแนวเฮฟวีเมทัลตัวยงจะเดินทางไปชมคอนเสิร์ตวงดนตรีร็อคที่ลานกลางแจ้งแห่งหนึ่งด้วย
ตำรวจและทหารราว 24,000 นายถูกส่งมาดูแลความสงบเรียบร้อยในกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งวันนี้
บรรยากาศสดชื่นรื่นเริงคงจะสร่างซาไปในอีกไม่ช้า เพราะนักวิเคราะห์เตือนว่า วิโดโด ยังต้องรับภาระหนักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรกว่า 250 ล้านคนที่กระจัดกระจายอยู่ตามเกาะต่างๆ มากกว่า 17,000 เกาะ
อินโดนีเซียยังมีปัญหาสังคมหลายด้านที่รอการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่โตช้าที่สุดในรอบ 5 ปี การทุจริตคอร์รัปชัน และอิทธิพลของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่อาจทำให้เยาวชนมุสลิมรุ่นใหม่ๆ ถูกปลูกฝังแนวคิดสุดโต่ง
อย่างไรก็ดี บททดสอบสำคัญชิ้นแรกของ วิโดโด น่าจะเป็นการลดเงินอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงซึ่งทำให้รัฐบาลอิเหนาต้องสูญงบประมาณไปถึง 1 ใน 5 ทุกๆ ปี แม้นักเศรษฐศาสตร์จะเตือนว่านี่คือความจำเป็นเร่งด่วน แต่รัฐบาลก็ต้องเสี่ยงกับความไม่พอใจของผู้คน และการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ที่อาจติดตามมา