นายกฯ ออสซีสั่ง “แบนวีซ่า” ห้ามครูสอนศาสนาอิสลามหัวรุนแรงเข้าประเทศ

รอยเตอร์/เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย ประกาศแผนกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงครั้งใหญ่ โดยจะงดออกวีซ่าแก่ครูสอนศาสนาอิสลามที่มีแนวคิดสุดโต่ง ขณะที่การบุกตรวจค้นบ้านต้องสงสัยโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในระยะนี้ได้ก่อความตึงเครียดต่อชุมชนมุสลิมในแดนจิงโจ้

แอ็บบอตต์กล่าวเตือนเมื่อไม่นานมานี้ว่า ดุลยภาพระหว่างเสรีภาพกับความมั่นคง “อาจต้องมีการปรับเปลี่ยน” เพื่อปกป้องชาวออสเตรเลียจากมุสลิมหัวรุนแรงที่จ้องจะก่อเหตุร้าย และล่าสุดผู้นำแดนจิงโจ้ก็ประกาศวันนี้ (8) ว่า ครูสอนศาสนาที่ยุยงให้เกิดความเกลียดชังจะต้องเจอ “ใบแดง” ระหว่างขอวีซาเข้าออสเตรเลีย

ระบบคัดกรองที่เข้มงวดยิ่งขึ้นซึ่ง แอ็บบอตต์ชี้ว่าไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่มารองรับ มีขึ้นหลังจากที่ ฮิซบุตตะห์รีร์ องค์กรซึ่งประกาศจุดยืนรวบรวมกลุ่มประเทศเพื่อตั้งเป็นรัฐอิสลาม เตรียมจัดการปาฐกถาที่นครซิดนีย์เรื่อง “The War to End a Blessed Revolution” ซึ่งว่าด้วยการที่สหรัฐฯใช้ปฏิบัติการทางทหารในอิรักและซีเรีย

นักวิจารณ์หัวอนุรักษนิยมต่างยกเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลให้รัฐบาลออสเตรเลียเร่งหาทางสกัดกั้นพวกเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรง

แอ็บบอตต์ชี้ว่า ออสเตรเลียไม่ต้อนรับใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง

“ตลอดหลายปีมานี้ มีผู้คนมากมายหลายกลุ่มเดินทางมายังออสเตรเลียเพื่อสร้างปัญหา เพื่อก่อเรื่องเดือดร้อนให้ตนเอง และเพื่อยุยงให้คนออสเตรเลียแตกคอกัน และตราบใดที่ผมยังมีอำนาจปกครองอยู่ เรื่องเช่นนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก"

“ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอประกาศว่า เราจะมีมาตรการใหม่เพื่อให้แน่ใจได้ว่า พวกที่ยุยงสร้างความเกลียดชังจะไม่สามารถเข้ามาสั่งสอนค่านิยมสุดโต่ง แบ่งแยก และแปลกประหลาดที่นี่”

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง “อาจติดแท็กพวกเขาไว้เมื่อมีการขอวีซ่า และสามารถปฏิเสธวีซาสำหรับบุคคลที่อาจจะเข้ามาเผยแพร่แนวคิดสุดโต่งและแปลกแยก” แอ็บบอตต์กล่าว

หลายประเทศประกาศคว่ำบาตรกลุ่มฮิซบุตตะห์รีร์แล้ว ทว่าออสเตรเลียยังไม่มีคำสั่งเช่นนั้น

กระแสความหวาดกลัวว่าพวกมุสลิมหัวรุนแรงหรือพลเมืองออสซีที่เดินทางไปสู้รบในตะวันออกกลางจะเดินทางกลับมาก่อเหตุโจมตีในบ้านเกิด ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียต้องประกาศเตือนภัยต่อการร้ายขั้นสูง และส่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยตามเมืองใหญ่ๆ

ทางการออสเตรเลียเชื่อว่า มีพลเมืองแดนจิงโจ้ถึง 160 คนที่ร่วมสู้รบหรือมีส่วนสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกลาง โดยอย่างน้อย 20 คนได้เดินทางกลับมายังออสเตรเลียแล้ว และกำลังเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ

ขณะเดียวกัน ผู้นำองค์กรมุสลิมในออสเตรเลียก็โอดครวญว่าชาวมุสลิมถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และยังตกเป็นเหยื่อของพวกขวาจัด พร้อมเตือนว่านโยบายปราบปรามอิสลามิสต์หัวรุนแรงที่รัฐบาลออสเตรเลียกำลังใช้อยู่อาจกระตุ้นให้เกิดการแก้แค้นตามมา