xs
xsm
sm
md
lg

“สาธารณสุขซาอุฯ” ยอมรับ ส่งผลเลือดคนไข้ตรวจหาไวรัสในแล็บนอก - “อังกฤษ” เสี่ยงมีคนไข้อีโบลารายแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบียยืนยันเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) ว่า กำลังทดสอบคนไข้ในวัย 40 ปี ที่เพิ่งบินจากการเดินทางไปทำธุรกิจที่เซียร์ราลีโอน เพื่อหาเชื้อไวรัสอีโบลา และทำการกักตัวคนไข้ไว้ที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง และประกาศไม่ออกวีซ่าให้ประชาชนใน 3 ประเทศโรคอีโบลาระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตกเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปี ด้านอังกฤษที่อยู่ในมาตรการคุมเข้มพิเศษ และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสรายแรก สั่งจับตาหนึ่งในนักธุรกิจอังกฤษในเวลส์หลังจากเดินทางกลับจากทำธุรกิจในแอฟริกาตะวันตก

กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบียแถลงในวันอังคาร (5) ว่า ในขณะนี้ได้กักตัวนักธุรกิจในวัย 40 ปีคนหนึ่งที่โรงพยาบาลในเมืองเจดดาห์ (Jeddah) โรงพยาบาลเฉพาะทาง หลังจากเขาเดินทางกลับจากทำธุรกิจในเซียร์ราลีโอน และได้นำตัวอย่างเลือดของชายผู้นี้ส่งไปยังผู้เชี่ยวชาญประจำแลบต่างประเทศชั้นนำที่ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก ถือเป็นหนึ่งในมาตรการเฝ้าระวังของประเทศ ซึ่งทางซาอุฯ ไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียดว่าชายผู้นี้มีอาการป่วยที่อาจคาดว่าจะมีเชื้อไวรัสหรือไม่ และรัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังประกาศงดออกวีซ่าให้กับพลเมืองใน 3 ประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่มีการระบาดของโรคอีโบลา รวมถึงเซียร์ราลีโอน กินี และไลบีเรีย เพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปีในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

นอกจากโรคอีโบลาที่ทางซาอุฯต้องเฝ้าระวังแล้ว แดนเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้ยังต้องเผชิญกับโรค MERS ที่คร่าชีวิตพลเมืองเป็นจำนวนมากในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ด้านอังกฤษมีรายงานว่า อาจจะมีคนไข้ติดเชื้ออีโบลาของประเทศในเวลส์ หลังจากนักธุรกิจรายนี้เดินทางกลับมาจากแอฟริกาตะวันตก และอาจได้รับเชื้อไวรัสจากที่นั่น แต่จนกระทั่งถึงในเวลานี้ คนผู้นี้ยังไม่แสดงอาการที่ส่อให้เห็นว่าอาจติดเชื้อ และไม่ได้ถูกกักตัวในโรงพยาบาล โฆษกสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) รายงาน และเสริมต่อว่า หากว่าบุคคลผู้นี้มีอาการที่ส่อให้เห็นว่าจะติดเชื้อร้าย โดยทางอังกฤษประกาศจะทำการกักตัวบุคคลผู้นี้ทันทีในโรงพยาบาลท้องถิ่น และทำการเช็คเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสอีโบลาต่อไป และหากผลการทดสอบพบว่ามีการติดเชื้อจริง ผู้ป่วยรายนี้จะถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีหน่วยกักกันพิเศษเพื่อป้องกันภัยทางชีวภาพขั้นสูงในกรุงลอนดอน จากรายงานของสื่ออังกฤษพบว่า ในขณะที่สหรัฐฯ มีสถานพยาบาล 4 แห่งที่มีหน่วยกักกันพิเศษสำหรับป้องกันภัยชีวภาพ แต่ในอังกฤษมีเพียงแห่งเดียวที่มีเครื่องครบครันเพื่อรับมือการระบาดของโรคร้ายนี้ได้

นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา PHE ได้อบรมเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนอังกฤษ และเจ้าหน้าที่สนามบินอังกฤษให้สามารถแยกแยะอาการที่ส่อว่า อาจมีการติดเชื้อไวรัสอีโบลา และยังแนะนำการรับมือกับผู้โดยสารที่ติดเชื้ออีกด้วย ดร.ไบรอัน แมคโคลสกีย์ (Dr. Brian McCloskey) ผู้อำนวยการอนามัยโลกประจำ PHE เผย และกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงแค่ระยะเริ่มต้นของการระบาดโรคอีโบลาครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราได้เห็น และแน่นอนที่สุดว่ายังไม่สามารถควบคุมการระบาดนี้ได้”

การตัดสินใจในการอบรบหน่วยงานรักษาพรมแดนอังกฤษและสนามบินมีขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของแพทริก ซอว์เยอร์ ชาวอเมริกันที่ทำงานให้กับรัฐบาลไลบีเรียเสียชีวิตด้วยโรคร้ายอย่างน่าสะพรึงกลัว ในวันที่ 25 กรกฎาคม ล่าสุด หลังจากที่ซอเยอร์สามารถบินด้วยสายการบินนานาชาติหลายเที่ยวบินในแอฟริกาได้ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาการที่บ่งบอกว่าติดเชื้อแล้วก็ตาม

และล่าสุดหนึ่งในทีมแพทย์ที่รักษาซอว์เยอร์ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ หลังจากนายแพทย์ชาวไนจีเรียผู้นี้ล้มฟุบลงที่สนามบินลากอส ไนจีเรีย ในเดือนที่ผ่านมา




กำลังโหลดความคิดเห็น