xs
xsm
sm
md
lg

In Pics: สื่ออังกฤษบินตรงทำข่าว “สวนสัตว์พาต้า” พบ “ลิงกอลิลาและสัตว์อื่นถูกขังน่าอนาถ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - หลังโลกโซเชียลมีเดียของไทยตีแผ่ปัญหาสวนสัตว์ลอยฟ้าของห้างสรรพสินค้าพาต้ามานาน แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้แต่อย่างใด ล่าสุดหนังสือพิมพ์เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษส่งทีมข่าวทำรายงานเพื่อสืบหาความจริง และพบว่า การทรมานสัตว์ในพาต้าเป็นจริง พร้อมตั้งสมญานามสวนสัตว์ลอยฟ้าพาต้าว่า “นรกคุกลอยฟ้าของสัตว์ป่า”

หนังสือพิมพ์เดอะมิเรอร์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(5)ว่า ห้างสรรพสินค้าพาต้าย่านชานเมืองกรุงเทพฯเป็นสถานที่กักขังและทรมานกอลิลา และสัตว์อื่นๆที่ทางห้างเรียกว่า “สวนสัตว์ลอยฟ้ามานานหลายสิบปี” โดยแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อพบสภาพที่น่าหดหู่เมื่อขึ้นไปยังชั้น 7 อันเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งนี้ โดยสื่ออังกฤษไล่เลียงถึงสินค้าให้บริการที่จำหน่ายภายในห้างนับตั้งแต่ชั้นใต้ดินเป็นต้นว่าแผนกเครื่องสำอางค์และเสื้อผ้าสตรีไปจนถึงชั้น 6-7 ที่ทางสื่อกล่าวว่า ไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดเตรียมตัวพบกับนรกบนอากาศใน 2 ชั้นนี้

และทีมนักข่าวจากเดอะมิเรอร์ต้องแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อต่างเดินออกมาจากลิฟต์และพบกับ“บัวน้อย” กอลิลาเพศเมียวัยเกือบ 30 ปี ที่อยู่ในสภาพหดหู่ และไม่น่าเป็นไปได้ที่สัตว์ใหญ่ที่น่ามหัศจรรย์เช่น "กอลิลา" จะถูกขังในกรงที่แคบเช่นนี้ และนอกเหนือจาก “บัวน้อย” ที่มีความหมายว่า “บัวขนาดเล็ก” ทางทีมงานยังพบกับครอบครัวลิงอุรังอุตัง(แม่และลูก) ลิงชิมแปนซี เสือดำ เสือดาว 2 ตัว และหมีดำ 4 ตัว ซึ่งสัตว์ทั้งหมดต่างตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นเดียวกับบัวน้อยทั้งสิ้น

และสัตว์ที่น่าอนาถที่สุดในสายตาของสื่ออังกฤษคือ นกเพนกวินที่ถูกขังอยู่อย่างเดียวดายภายใต้ความเครียดที่มีเพียงแอ่งน้ำขนาดเล็กให้พอเป็นพิธี

นอกจากนี้ยังพบว่าทางห้างได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ภายในสวนสัตว์เพื่อลดอุณหภูมิ แต่ทว่าสัตว์ที่สวยงามเหล่านี้ซึ่งควรอยู่ในที่กว้างตามธรรมชาติกลับต้องถูกขังภายในกรงที่คับแคบสร้างความสะเทือนใจห้กับเหล่าผู้รักสัตว์ทั่วโลก

หลังจากที่ได้เบาะแสจากเอ็กซ์แพตชาวอังกฤษที่อาศัยในไทย เดอะมิเรอร์ตัดสินใจที่จะแกะรอยค้นหาความจริงในเรื่องนี้โดยการส่งทีมนักข่าวบินมาไทย โดยทางทีมงานได้เข้าสู่ตัวห้างสรรพสินค้าพาต้าในเวลา 10.00 น.และเมื่อชำระค่าผ่านประตูเพื่อเข้าสู่สถานที่ทางสื่ออังกฤษให้สมญาว่า “นรกคุกลอยฟ้าของสัตว์ป่า”

ซึ่งเท่าที่ทางทีมงานเห็นสัตว์ป่าทั้งหมด “ล้วนถูกขังภายในกรงขนาดเล็กบนพื้นคอนกรีต” และตลอดช่วงเวลายาวนานที่ทางทีมข่าวอังกฤษได้เข้าชม เป็นที่น่าแปลกใจว่า ไม่มีพบว่าสัตว์ป่าเหล่านี้ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใด ราวกับว่าสัตว์เหล่านั้นต่างสิ้นหวังในชะตากรรมที่ไม่อาจแก้ไขได้แล้ว

สิ่งที่ทางห้างได้จัดไว้บริการนักท่องเที่ยวคือ กล้วยราคา 20 บาทที่ทางนักท่องเที่ยวสามารถซื้อเพื่อป้อนให้กับลิงทั้งหลาย และพบว่าผู้ดูแลพยายามใช้สายยางราดน้ำบนพื้นให้เย็นเพื่อดับความร้อนให้กับสัตว์เหล่านั้นในขณะที่ด้านนอกมีอุณหภูมิสูง 37 องศา

โดยหนึ่งในผู้ดูแลได้เล่าให้ทางทีมข่าวฟังด้วยความภาคภูมิใจว่า “นี่เป็นกอลิลาเพียงตัวเดียวในไทย และบางทีอาจเป็นเพียงหนึ่งเดียวในเอเชีย ทั้งนี้กอลิลาตัวนี้พิเศษมาก และทางห้างได้สร้างกรงกระจกป้องกันไม่ให้สามารถติดโรคจากมนุษย์ได้ ซึ่งกอลิลาตัวนี้อยู่ในสวนสัตว์แห่งนี้มานานถึง 27 ปีแล้ว ทางห้างซื้อกอลิลาตัวนี้มาจากเยอรมัน และจากที่เห็น จะทราบได้ทันทีว่า กอลิลาตัวนี้มีความสุขและชอบสถานที่แห่งนี้มาก”

ทางทีมข่าวอังกฤษดูบัวน้อยนั่งเลียก้อนน้ำแข็งเพื่อดับความร้อนด้วยความเศร้าใจ และยิ่งต้องสลดมากขึ้นเมื่อพบว่ากรงของเธอไม่มีแม้แต่หญ้าหรือใบไม้รอง มีเพียงแค่พื้นคอนกรีต และชิงช้าที่ทำจากยางรถยนต์เท่านั้น

เดอะมิเรอร์รายงานเพิ่มเติมว่า แต่เดิมกอลลิลาเพศเมียมีคู่ แต่กอลิลาเพศผู้ได้ตายไปในปี 2000 และนับตั้งแต่นั้นมาบัวน้อยต้องอยู่ตามลำพัง และในขณะที่ผู้ดูแลอีกคนเข้าทำความสะอาดกรง บัวน้อยตรงเข้าไปนั่งที่มุมเหมือนจะกลัวเครื่องระบบน้ําอัดแรงดันสูงสุดที่กำลังทำงาน และในกรงที่อยู่ถัดออกไปมีเสือดาว 2 ตัว และเสือดำอยู่ในกรงติดกัน ซึ่งแต่ละกรงมีขนาดความกว้าง 15 ฟุตเท่านั้น

นอกจากนี้ยังพบหมีดำพื้นภาคเอเชียนอนซ่อนตัวอยู่ และบริเวณชั้น 6 ของตัวห้างทีมข่าวอังกฤษพบกับเต่าในตู้ที่มีระดับน้ำสูงแค่ 8 ซม. ซึ่งในระยะเวลา 5 นาทีที่เฝ้ามอง ไม่มีเต่าตัวใดจากทั้งหมด 3 ตัวขยับแม้แต่น้อย และยังพบว่าปลาช่อนงูเห่าอยู่ในตู้ที่เล็กมากจนแทบจะกลับตัวไม่ได้

ทั้งนี้การรณรงค์เพื่อบัวน้อยเริ่มต้นจาก ศิลจิรา อภัยทาน ตัวแทนกลุ่มคนรักสัตว์ ผู้รณรงค์โครงการหาบ้านใหม่ให้ "บัวน้อย" กอริลลายักษ์ที่อยู่ในสวนสัตว์พาต้า ผ่านเว็บไซต์ change.org ได้ให้สัมภาษณ์กับเดอะมิรอร์ว่า “ดิฉันต้องลุกขึ้นสู้ที่ไม่ใช่แค่เพื่อ “บัวน้อย” แต่เพื่อสัตว์ป่าหายากที่ตกอยู่ในสภาพที่น่าหดหู่คล้ายกัน ซึ่งการณณรงค์ครั้งนี้จะปฎิวัติอุตสาหกรรมสวนสัตว์ของไทย” และทางสื่ออังกฤษพบว่ามีคนจำนวนนอย่างน้อย 40,000 คนร่วมลงชื่อข้อร้องเรียนทางออนไลน์เพื่อให้นำตัวบัวน้อยออกจากสวนสัตว์ลอยฟ้าพาต้า ที่สวนสัตว์ประเภทนี้จะไม่ได้รับการอนุญาตในอังกฤษหรือประเทศอื่นในยุโรปเลย

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสวนสัตว์พาต้า คนิต เสริมสิริมงคล ยืนยันว่า ทางห้างไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องนี้และจะไม่ยอมให้กระแสสังคมมากดดันได้ “อย่ามาใช้กฏหมู่ที่นี่ ทางพาต้าทำทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมาย” คนิตกล่าวโต้ และยืนยันว่าทางสวนสัตว์ได้รับใบอนุญาตถูกต้องและได้ทำตามมาตรฐานความสะอาดที่กำหนดไว้ทุกประการ และเสริมว่า “ทางห้างได้ดูแลบัวน้อยมีสุขภาพกายที่ดี และมีอารมณ์ที่แจ่มใส”

สื่ออังกฤษยังรายงานปิดท้ายด้วยการนำเสนอช่องทางในการช่วยเหลือบัวน้อย โดยกลุ่มพีต้า องค์กรอนุรักษ์สัตว์ระดับโลกหนุนที่ร่วมหนุน ศิลจิรา อภัยทานในการล่ารายชื่อเพื่อปิดสวนสัตว์ลอยฟ้าแห่งนี้

โฆษกพีต้าแถลงว่า “เราขอให้เจ้าหน้าที่ไทยทุกฝ่ายทำการสั่งปิดสวนสัตว์นรกลอยฟ้าแห่งนี้ และแก้ไขกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าให้เข้มงวดมากขึ้น”

ทั้งนี้หากผู้ใดที่รับทราบถึงชะตากรรมสัตว์ป่าติดคุกคอนกรีตและต้องการช่วยเหลือให้ "บัวน้อย" มีอิสรภาพจากนรกแห่งนี้ ทุกท่านสามารถค้นหาคำร้องโดยการไปยังเว็บไซต์ change.org และค้นหา “end pata zoo”






กำลังโหลดความคิดเห็น