เชียงใหม่ - ผู้ใหญ่บ้านนักร้องคำเมือง ทายาทอดีตศิลปินแห่งชาติประจำปี 35 คนเชียงใหม่ ไอเดียแจ่ม ปลุกปั้นธุรกิจขายนกสวยงาม จากเลิฟเบิร์ดคู่เดียวผ่านโลกออนไลน์จนทำกำไรได้อื้อซ่า แถมทำให้ “ป้อหลวงรินทร์วิมานดินโปรโมชั่น” กลายเป็นชุมทางคนรัก-คนเลี้ยงนกทั่วสารทิศด้วย
วันนี้ (25 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ที่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 3 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ของ ส.อ.ไพรินทร์ กาไวย์ ผู้ใหญ่บ้านแพะขวาง หมู่ 3 ต.น้ำแพร่ เจ้าของ “ป้อหลวงรินทร์วิมานดินโปรโมชั่น” ทายาท “พ่อครูคำ กาไวย์” อดีตศิลปินแห่งชาติประจำปี 2535 สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน) กำลังกลายเป็นชุมทางของคนรัก-คนเลี้ยงนกสวยงามจากทั่วสารทิศมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจาก “พ่อหลวงรินทร์” ที่นอกจากจะดูแลลูกบ้านตามหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน และร้อง-แต่งเพลงคำเมือง สืบทอดมรดกจากผู้เป็นพ่อแล้ว ได้เริ่มใช้โซเชียลมีเดีย-เฟซบุ๊ก เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ขายนกสวยงามสายพันธุ์ต่างประเทศจนมีรายได้เสริมเป็นกอบเป็นกำเดือนละ 5-6 หมื่นบาท จากทุนเริ่มต้นแค่ 3 พันกว่าบาท
พ่อหลวงรินทร์ หรือ ส.อ.ไพรินทร์ บอกว่า ราว 5 ปีก่อนเขาซื้อนกเลิฟเบิร์ดมาเลี้ยงเล่นๆ คู่หนึ่งในราคา 3,000 กว่าบาท ผ่านไปไม่นานเลิฟเบิร์ดคู่แรกก็ออกไข่ แพร่พันธุ์ จึงไปหาซื้อนกพันธุ์อื่นๆ มาเพิ่มเรื่อยๆ พร้อมกับหาความรู้เพิ่มเติมจากคนเลี้ยงด้วย แล้วเพาะพันธุ์-ฟักไข่เอง ก่อนขยับขยายไปซื้อตู้อบมาเพิ่ม จนให้แม่นกเลี้ยงลูกตั้งแต่หนึ่งวันได้
จนถึงปัจจุบันมีนกในบ้านแล้วกว่า 10 สายพันธุ์ รวมร่วม 100 ตัว โดยในจำนวนนี้มีนกตลาดที่มีราคาแพงมากที่สุดในบ้านอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ ซันคอร์นัว, อีเล็คตัส และแอฟริกันเจ ซึ่งมีราคาซื้อขายกันที่คู่ละ 5-6 หมื่นบาท, ไข่ฟองละ 7 พัน, ลูกป้อนตัวละ 13,000 บาท
พ่อหลวงรินทร์เล่าว่า ระหว่างที่เลี้ยงนก ขยายพันธุ์เองมาเรื่อยๆ ก็มีคนในแวดวงรู้ข่าวปากต่อปาก มาขอซื้อ จนเห็นว่ามันใช้เป็นช่องทางสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้ ประกอบกับโซเชียลมีเดียบูมขึ้น จึงทำเฟซบุ๊กขึ้นมานำภาพนกที่ตนเลี้ยงไว้ไปโพสต์ประกาศขาย จนได้รับความสนใจจากกลุ่มคนที่รักและเลี้ยงนกสวยงามทั้งใน-นอกพื้นที่ติดต่อขอซื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อาศัยที่เรารักนก ซื่อสัตย์กับลูกค้า เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุน 3,000 กว่าบาท จนวันนี้มีนกในบ้านรวมมูลค่า 5-6 แสนบาทได้แล้ว ซึ่งลูกค้าบางคนขับรถจากภาคใต้ขึ้นมารับนกเองถึงบ้าน บางคนเป็นลูกค้าในภาคเหนือ ตนก็จะขับรถไปส่งบ้าง บางครั้งก็จะนัดรับนกกันครึ่งทาง”
พ่อหลวงรินทร์บอกว่า การเลี้ยงนกช่วงนี้มีปัญหาเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่เหมือนกัน แต่เราฟักไข่ในตู้อบเองทำให้ควบคุมอุณหภูมิได้ แต่บางครั้งก็ขาดแคลนวัตถุดิบบางอย่าง เช่น เมล็ดทานตะวัน ก็หาผลไม้ในพื้นที่มาเสริม ซึ่งบางรายให้วิตามินเสริม เพื่อออกไข่ได้จำนวนมาก แต่ตนคิดว่าเป็นการทรมานสัตว์ จึงให้นกกินอยู่ปกติ ส่วนจะให้ไข่เท่าไหร่ก็เท่านั้น
“อย่างน้อยการให้สารเคมี หรือยาในร่างกายเป็นการทรมานสัตว์ทำให้มีสารตกค้างได้ ข้อสำคัญในการเลี้ยงคือเราต้องรักตัวนกที่เราเลี้ยงด้วย ซึ่งตนให้อาหารทุกตัวมาตรฐานเดียวกัน รักเท่ากันหมด ทำกรงขนาดใหญ่ให้นกได้บินออกกำลังได้สบาย ตอนนี้มีลูกค้าสั่งซื้อนกผ่านทางเฟซบุ๊กจำนวนมาก เพราะผมค้าขายด้วยความซื่อสัตย์ ก็ทำรายได้อย่างมากโดยเฉลี่ยเดือนหนึ่งขายนกได้เดือนละ 5-6 หมื่นบาททีเดียว” พ่อหลวงรินทร์กล่าว