เอเจนซีส์/เอเอฟพี – องค์การอนามัยโลก หรือ WHO รายงานล่าสุดเมื่อวานนี้(26)ว่า ยอดเสียชีวิตรวมของผู้ป่วยอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกเกิน 3,000 คนแล้ว ในขณะตัวเลขรวมผู้ติดเชื้อในภูมิภาคเกิน 65,00 คน และIMF ประกาศในวันเดียวกัน(26)ปลดล็อกเงินช่วยเหลือไลบีเรีย กินี เซียร์ราลีโอน จำนวน 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบอีโบลาหนักมูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ริค ซาครา ผู้ป่วยชาวสหรัฐฯติดเชื้ออีโบลารายที่ 3 ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์เนแบรสกา
ไลบีเรียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบในการระบาดของโรคอีโบลามากที่สุด มีตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตราว 1,830 คน ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามา ประกาศ “อีโบลาถือเป็นภับความมั่นคงของโลก” และมีผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า อาจมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเกิน 20,000 คนก่อนต้นเดือนพฤศจิกายน ปลายปีนี้
ด้านสื่อเดอะรีพอร์ตรายงานว่า พบ 2 พื้นที่ใหม่ในกินี และไลบีเรีย ที่พบผู้ป่วยอีโบลารายแรกในพื้นที่ภายใน 7 วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้เดอะรีพอร์ตยังรายงานความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่พยายามจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคนี้ พบว่ามีเจ้าหน้าที่การแพทย์ถึง 375 คนที่ติดเชื้อ และมีจำนวน 211 คนที่เสียชีวิตจากไวรัสอีโบลา
และยังมีรายงานเพิ่มเติมถึงความขาดแคลนด้านเตียงคนไข้โดยเฉพาะที่ไลบีเรีย ซึ่งก่อนหน้านี้โอบามาได้ส่งทหารสหรัฐฯจำนวน 3,000 นายเพื่อช่วยรัฐบาลไลบีเรียควบคุมการระบาด และสร้างสถานพยาบาลฉุกเฉินให้เพิ่มมากขึ้น
ในวันพฤหัสบดี(25)ล่าสุดที่มีการประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติ โอบามาเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติร่วมมือมากขึ้นในการหยุดยั้งการระบาดอีโบลา “ยังคงมีช่องว่างที่เห็นได้ชัดในจุดที่เราอยู่ และจุดที่เราจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ” โอบามากล่าว
ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เซียร์ราลีโอน อีกประเทศที่มีการระบาดของอีโบลาสั่งปิดประเทศเป็นเวลา 3 วัน และผลจากปฎิบัติการทำให้รัฐบาลเซียร์ราลีโอนพบผู้ปาวยอีโบลาเพื่มมากขึ้น ทั้งนี้ยอดผู้เสียชีวิตอีโบลาในเซียร์ราลีโอนมีจำนวน 600 คน เท่ากับจำนวนที่พบเสียชีวิจในกินี
รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลกเผยว่า ยังไม่มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ไนจีเรีย และเซเนกัล ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีการระบาดโรคอีโบลาในภูมิภาคด้วยเช่นกัน
และเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันศุกร์(26) IMF ประกาศให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 130 ล้านดอลลาร์ หลังจากผู้นำของไลบีเรีย กินี เซียร์ราลีโอนต่างร้องอย่างหนักขอความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจจากต่างชาติ
WHO ยังเปิดแถลงเพิ่มเติมว่า วัคซีนอีโบลาสามารถออกใช้ได้อย่างเร็วสุดในต้นปีหน้า “หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ในต้นปีหน้าอาจได้มีโอกาสใช้วัคซีนทดลองพวกนี้ในประเทศที่มีการระบาด” มารี – พอล คีนีย์ (Marie-Paule Kieny) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ WHO แถลง
นอกจากนี้สื่อสหรัฐฯรายงานในวันพฤหัสบดี(25)ว่า ริค ซาครา ผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาที่ถูกส่งตัวมารักษาในสหรัฐฯได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว โดยผลการตรวจเลือดของซาคราภายใน 24 ชม.ล่าสุดยืนยันได้ว่า ซาคราไม่มีไวรัสอีโบลาแต่อย่างใด CDC สหรัฐฯ ยืนยัน ทั้งนี้ซาคราได้รับเซรุมทดลองสัญชาติแคนาดา TKM-Ebola รวมไปถึงเลือดจากผู้ป่วยอีโบลาที่ได้รับการรักษาหาย เคนต์ แบรตลีย์ และการรักษาโดยประคองอาการเพื่อให้ภูมิคุ้มกันร่างกายสามารถใช้ระบบป้องกันตนเองได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ทีมแพทย์จากศูนย์การแพทย์เนแบรสกาแถลง ไม่ยืนยันว่าสิ่งใดเป็นปัจจัยสำคัญทำใหริก ซาคราหายป่วย
ด้านซาคราเปิดใจแถลงขอบคุณทีมแพทย์ที่ช่วยรักษาเขาจนหายดี รวมถึงขอบคุณแบรตลีย์ที่บริจาคพลาสมาให้กับเขา โดยซาคราเชื่อว่าการที่เขาติดเชื้ออีโบลาเกิดจาก การทำคลอดให้คนไข้แบบผ่าตัดทำคลอด และยังไม่คิดจะตัดสินใจเดินทางกลับไปแอฟริกาในเวลานี้ แต่จะมุ่งมั่นในการฟื้นตัวจากโรคร้ายมากกว่า
