xs
xsm
sm
md
lg

“เซียร์ราลีโอน” จ่อขอลอง “TKM-Ebola” จากฟาร์มาซูติคอลแคนาดา หลังไลบีเรียจอง Zmapp ล็อตแรกสำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - หลังจากรัฐบาลไลบีเรียประสบความสำเร็จในการขอ เซรุมZmapp เพื่อใช้กับคนไข้ภายในประเทศแล้ว ล่าสุด รัฐบาลเซียร์ราลีโอนติดต่อขอทดลองTKM-Ebola ของบริษัทแคนาดาเทคไมรา ฟาร์มาซูติคอล(Tekmira Pharmaceuticals Corp )เพื่อนำมาใช้กับคนไข้เช่นกัน หลังWHO หนุนให้การรักษาอีโบลาในขั้นทดลอง เช่น Zmapp จากสหรัฐฯ TKM-Ebolaจากแคนาดา รวมไปถึง BCX4430 จากสหรัฐฯ และ AVI-7537 จากสหรัฐฯ สามารถใช้กับผู้ป่วยติดเชื้อได้

วอลสตรีทเจอร์นัล รายงานวันนี้(13)ว่า หลังจากบาทหลวงสเปน มิเกล ปาคาเรซ วัย 75 ปี ได้เสียชีวิตลงเมื่อวานนี้(12) ถึงแม้จะได้รับเซรุม Zmapp ก็ตาม ทำให้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO อนุญาตให้ใช้ยารักษาอีโบลาที่ในขณะนี้อยู่ในขั้นทดลองกับผู้ป่วยติดเชื้อได้ ในวันศุกร์(8)ที่ผ่านมารัฐบาลไลบีเรียร้องขอสหรัฐฯให้ช่วยจัดส่ง Zmapp ไปให้เพื่อมนุษยธรรม และล่าสุดเซียร์ราลีโอนได้ร้องขอทดลองใช้ TKM-Ebola จากบริษัทเทคไมรา ฟาร์มาซูติคอล( Tekmira Pharmaceuticals Corp )ของแคนาดา กับผู้ป่วยติดเชื้อ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDAจากสหรัฐฯอนุญาตให้ใช้ TKM-Ebola กับคนไข้ติดเชื้อได้

ทั้งนี้บริมา คาร์กโบ (Brima Kargbo) หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์เซียร์ราลีโอนได้ให้สัมภาษณ์กับกับบลูมเบิร์กทางโทรศัพท์ว่า ทางเซียร์ราลีโอนได้มีการติดต่อทาบทามบริษัทยาแคนาดา เทคไมรา ฟาร์มาซูติคอล ที่มีฐานอยู่ในแวนคูเวอร์ แคนาดา เพื่อขอให้ส่งยามารักษาคนไข้ติดเชื้อในประเทศ

จากการทดลองในแล็บปี 2010 ภายใต้การศึกษาของThomas Geisbert นักไวรัสวิทยาแผนกการแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัยเทกซัสพบว่า TKM-Ebola สามารถปกป้องชีวิตของลิงติดเชื้ออีโบลาจำนวน 4 ตัว หลังจากได้รับยาขนาด 7 โดสเข้าไป ทั้งนี้ Geisbert ให้ความเห็นว่า การทดลองยารักษาโรคอีโบลาในหนูทดลองมักจะไม่สามารถทำนายผลเมื่อตัวยาถูกใช้กับสัตว์ใหญ่ได้ ดังนั้นผลลัพท์ที่ใช้ยากับลิงทดลองจึงมีความสำคัญมาก เพราะเมื่อลิงติดเชื้อไวรัสอีโบลาและล้มป่วยลงมีอาการเกือบคล้ายคลึงกับมนุษย์

ตัวยา TKM-Ebola สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของยีนส์ไวรัสอีโบลาได้ ทำให้ตัวไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นมาได้ ซึ่ง TKM-Ebola ถือเป็นหนึ่งใน 3 ทางรักษาที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหยุดยั้งไวรัสอีโบลาได้ โดย TKM-Ebola นั้นใช้วิธีโจมตียีนส์ของไวรัสอีโบลา ในขณะที่ Zmapp ใช้แอนติบอดีของต้นยาสูบติดเชื้อในการรักษา

ทั้งนี้บลูมเบิร์กรายงานในวันที่ 7 สิงหาคม 2014ว่า การทดลอง TKM-Ebolaกับอาสาสมัครในชั้นคลีนิกต้องหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากความปลอดภัย โดยทางเทคไมรากล่าวว่า การศึกษาต้องถูกหยุดลงชั่วคราว เพราะอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรงที่ทดสอบนั้นมีอาการคล้ายกับมีไข้ และร้อนบวมเมื่อใช้ยาในจำนวนโดสที่สูง โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้เคยออกแถลงการณ์ว่าปัญหาผลข้างเคียงเหล่านี้จะถูกแก้ไขก่อนสิ้นปี 2013

มาร์ก เมอร์เรย์(Mark Murray)  เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารสูงสุดของเทคไมราได้แถลงในวันพฤหัสบดี(7)ว่า “ทางเราเฝ้าติดตามการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาอย่างใกล้ชิด และทางเราขอแสดงตนในการช่วยเหลือยับยั้งการแพร่ระบาดโดยใช้ TKM-Ebola”

ในขณะเดียวกันที่ไลบีเรีย หลังจากประสบความสำเร็จในการขอให้สหรัฐฯอนุญาตให้นำZmapp ทดลองรักษากับคนไข้ชาวไลบีเรียได้ ในวันจันทร์(11)ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลไลบีเรียประกาศว่าจะได้รับมอบZmapp ล็อตแรกอย่างเร็วสุดภายในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยทางสหรัฐฯจะให้ทางเจ้าหน้าที่ไลบีเรียติดต่ออย่างใกล้ชิดกับบริษัท Mapp Biopharmaceutical Inc ในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ผลิต แต่ทว่ายังไม่มีการระบุว่าล็อตแรกที่จะส่งมอบให้ไลบีเรียนั้นมีจำนวนเท่าใด และจากแถลงการณ์ล่าสุดของผู้ผลิต Zmapp พบว่า ทางบริษัทยินดีจะมอบยาไปให้ไลบีเรียตามคำขอโดยไม่คิดมูลค่า ล่าสุดวัตถุดิบในการผลิตเซรุมค็อกเทลได้หมดสต็อกแล้ว

อย่างไรก็ตาม การเปิดโอกาสให้ชาวแอฟริกาตะวันตกสามารถเข้าถึงการรักษาในขั้นทดลองนี้สืบเนื่องมาจาก หลังจากที่สหรัฐฯได้ใช้ Zmapp รักษาคนไข้ติดเชื้ออเมริกัน 2 คน และส่งไปรักษาบาทหลวงสเปน ทำให้เกิดความไม่พอใจว่าจำกัดทางการรักษาให้กับเฉพาะชาวตะวันตก

เบื้องหลังของ Zmapp ที่ทางบ.ยาผู้ผลิตได้ทุนอุดหนุนการวิจัยจากเพนตากอน สหรัฐฯได้มีโอกาสทดลองในคนไข้ติดเชื้อชาวสหรัฐฯ 2 ราย รวมไปถึงบาทหลวงชาวสเปน และล่าสุดได้ตอบรับคำขอของรัฐบาลไลบีเรียในวันศุกร์( 8) และอาจจะส่งมอบให้รัฐบาลไนจีเรียที่เพิ่งยื่นคำขอในสัปดาห์นี้แล้วนั้น TKM-Ebola อาจจะเป็นการรักษาอีโบลาอีกทางเลือกหนึ่งที่อาจจะได้เริ่มต้นใช้กับผู้ป่วยติดเชื้อในเซียร์ราลีโอน และนอกจากนี้พบว่าบริษัทฟาร์มาซูติคอลอื่นต่างเร่งรีบพัฒนาการรักษาออกมาแข่งขันโดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากเพนตากอนสหรัฐฯเช่นกันผ่านโครงการต่อต้านอาวุธก่อการร้ายชีวภาพ เช่น บ.เมดิเวคเตอร์ อิงค์ (MediVector Inc.)จากสหรัฐฯ ที่เป็นหุ้นส่วนของบ.ฟูจิฟิล์ม ของญี่ปุ่น ผลิต Favipiravir ในรูปแบบยาเม็ด (Yousuke Furuta  นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น แห่งโทยามา เคมิคอล ( Toyama Chemical ) เป็นบริษัทลูกของฟูจิฟิล์ม คิดค้น Favipiravir ได้สำเร็จในปี 1998) ได้รับทุนอุดหนุนจำนวน138.5 ล้านดอลลาร์จากเพทตากอนในปี 2012 เพื่อให้ทำวิจัยต่อยอด Favipiravir รักษาไวรัสหลายชนิดที่ก่อให้เกิดโรคไข้หวัด แต่ทางฟูจิฟิล์มญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้ถือสิทธิบัตรไว้

ในขณะที่มีการศึกษาใช้ยา Favipiravir เพื่อรักษาโรคหวัดที่เกิดจากไวรัสในมนุษย์มาระยะเวลานาน มีการศึกษา 2 ชิ้นในหนูทดลองที่ถูกตีพิมพ์เมื่อต้นปี 2014 บ่งชี้ว่า Favipiravir น่าจะสามารถใช้เป็นตัวยารักษาอีโบลาได้ อย่างไรก็ตามโฆษกของฟูจิฟิล์มปฎิเสธที่จะตอบคำถามว่า ได้มีคำขอให้มีการจัดส่ง Favipiravir ไปรักษาผู้ติดเชื้ออีโบลาหรือไม่ และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางบริษประสบความสำเร็จทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตเก็บ Favipiravir เวชภัณฑ์สำรองเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 หลังจากการทดสอบในระยะมิดสเตจในสหรัฐฯพบว่า Favipiravir สามารถทำให้อาการมีทุเลา

นอกจากนี้ bostinno.streetwise.co สื่ออนไลน์สหรัฐฯ รายงานในวันที่ 6 สิงหาคมว่า ในปี 2010 เพนตากอน สหรัฐฯยังให้เงินสนับสนุนจำนวน 291 ล้านดอลลาร์ แก่ บ. ซาเรพตา เธราพิวติกส์(Sarepta Therapeutics)  จากเคมบริดจ์ สหรัฐฯ พัฒนา AVI-7537 เพื่อรักษาโรคอีโบลาและไวรัสมาร์เบิร์ก (Marburg) แต่โครงการนี้ได้ถูกระงับไปในปี 2012 เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด อย่างไรก็ตามผลการศึกษา AVI-7537 ในลิงพบว่าสามารถรักษาได้ถึง 60-80 % และยังได้เคยทดลองในอาสาสมัครที่สุขภาพแข็งแรงแต่ยังไม่เคยทดลองกับผู้ป่วยติดเชื้อ

ด้านไดแอน เบอร์รี (Diane Berry) รองประธานด้านนโยบายสุขภาพของโลกและรัฐบาลสัมพันธ์ประจำซาเรพตา เธราพิวติกส์ให้ความเห็นว่า “ทางบริษัทยังคงมีความต้องการให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความปลอดภัยมาก่อนอันดับแรก แต่ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคมรณะที่ยังไม่มีทางรักษา ดังนั้นต้องมีการเลือกระหว่างความเสี่ยงในการใช้ยาทดสอบ หรือจำต้องเผชิญหน้ากับความตาย” และเบอร์รียังให้ความเห็นกับ Boston Globe ต่อว่า หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้ให้คำมั่นกับเธอว่า AVI-7537จะมีสิทธิ์ได้รับอนุญาตให้ใช้กับมนุษย์ได้หากมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาร้องขอ ซึ่งทางเบอร์รีได้เตรียมสต็อกAVI-7537ไว้พร้อม แต่รัฐบาลสหรัฐฯยังไม่ส่งสัญญาณใดออกมา

แต่เมื่อพิจารณาจากทางฝั่งเพนตากอน ดูเหมือนจะไม่สดใสนักสำหรับ AVI-7537 สัญญาเริ่มแรกในปี 2010 นั้นที่มอบให้กับซาเรพตา เธราพิวติกส์ และต่อมาให้กับ  AVI Biopharma มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งความจริงแล้วสัญญาควรจะขยายเพิ่มมากกว่า 3 เท่าหากทางบริษัทจะสามารถแสดงถึงความสำเร็จในเทคโนโลยีการวิจัยพิสูจน์ให้กับทางเพนตากอนเห็นได้ ดังนั้นเมื่อไม่ได้รับคำสั่งต่อจากเพนตากอนในเฟสถัดไปก็ย่อมเท่ากับว่าขาดเงินทุนมาสนับสนุน และทำให้ซาเรพตา เธราพิวติกส์ได้สัญญาจากเพนตากอนเพียงครึ่งเดียว โดยทางบริษัทต้องสูญเงินไปถึง 145 ล้านดอลลาร์ ที่เงินก้อนนี้สมควรจะได้ถูกนำมาใช้ในการวิจัยอีโบลา  Xconomy รายงาน

และในขณะที่ยังมีวิธีอื่นในการรักษาอีโบลา แพทย์นิยมที่จะใช้วิธีดังเดิมโดยการให้ของเหลวของร่างกาย หรือเลือดที่มีแอนติบอดี้ของคนไข้ที่หายป่วยให้กับคนไข้ที่ยังป่วยอยู่ด้วยความหวังว่าภูมิคุ้มกันโรคจะสามารถกลับมาทำงานเพื่อสู้กับไวรัสได้ ดังที่เคยมีข่าวว่าก่อนหน้านี้ว่า เคนต์ แบรนต์ลีย์ นายแพทย์สหรัฐฯที่ล้มป่วยด้วยโรคอีโบลาได้รับเลือด 1 โดสจากคนไข้เด็กชายวัย 14 ที่ล้มป่วยแต่ถูกรักษาจนหาย ก่อนบินกลับมาสหรัฐฯ

นอกจากนี้มิชชันารีอีกจำนวนหนึ่งที่ทำงานร่วมกับแบรนต์ลีย์ประจำหน่วยงานการกุศลคริสเตียน SIM ได้เดินทางกลับมาถึงสหรัฐฯในต้นสัปดาห์นี้ และในขณะนี้ได้ถูกกักตัวไว้เพื่อดูอาการว่าติดเชื้อหรือไม่เป็นเวลา 21 วัน ส่วนอาการของแบรนต์ลีย์และแนนซี ไรท์โบลที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอีโมรีมีอาการดีขึ้นตามลำดับ


กำลังโหลดความคิดเห็น