เอเจนซีส์ - อเมริกาเปิดแนวรบใหม่ในตะวันออกกลาง จับมือ 5 ชาติอาหรับ ใช้ทั้งเครื่องบินและจรวดร่อน โจมตีทางอากาศเป้าหมายกลุ่มนักรบญิฮัด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ทางตะวันออกของซีเรีย รวมทั้งบุกเดี่ยวบอมบ์ที่มั่นเครือข่ายอัล-กออิดะห์ในภาคเหนือของประเทศนี้ ทางด้านกลุ่มติดตามสถานการณ์อ้างการปฏิบัติการคราวนี้สามารถสังหารนักรบหัวรุนแรงได้นับสิบราย
หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ประกาศว่า ได้โจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย เมื่อคืนวันจันทร์ (22 ก.ย.) อีกหลายชั่วโมงต่อมา กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (CENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบดูแลทหารอเมริกันในตะวันออกกลาง และอัฟกานิสถาน ก็ออกมาแถลงในวันอังคาร (23) ว่า สหรัฐฯ พร้อมด้วย 5 ชาติพันธมิตรอาหรับ ได้แก่ บาห์เรน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเข้าร่วมหรือมีส่วนสนับสนุน ได้เข้าโจมตีเป้าหมายต่างๆ ของกลุ่มไอเอสแล้ว
ตามคำแถลงของ CENTCOM เครื่องบินรบ และจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” ซึ่งยิงจากเรือรบ ได้โจมตีถูกเป้าหมายทั้ง “พวกนักรบ, ค่ายฝึก, กองบัญชาการและศูนย์อำนวยการ, คลังสัมภาระต่างๆ, ศูนย์การเงินแห่งหนึ่ง, พวกรถบรรทุกขนสัมภาระ และยานยนตร์หุ้นเกราะ”
นอกจากนั้น วอชิงตันยังแถลงด้วยว่า กองทัพสหรัฐฯ ยังได้แยกไปโจมตีทางอากาศตามลำพังในอีกสถานที่หนึ่งในซีเรียรวม 8 ระลอก เพื่อเล่นงาน “กลุ่มโคระซาน” หน่วยนักรบที่มีประสบการณ์ของอัล-กออิดะห์ ที่มีรายงานว่ากำลังวางแผนโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และฝ่ายตะวันตก
เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่งเผยว่า การโจมตีระลอกแรกใช้เวลา 90 นาทีโดยประมาณ แต่ปฏิบัติการโจมตีทั้งหมดกินเวลาหลายชั่วโมง
กลุ่ม ซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ซึ่งเป็นกลุ่มที่เอนเอียงฝักใฝ่ขบวนการฝ่ายค้านในซีเรีย ซึ่งคอยเฝ้าติดตามการสู้รบในประเทศนั้น แถลงว่า มีนักรบไอเอสอย่างน้อย 70 คนเสียชีวิตจากการโจมตีของอเมริกาและพันธมิตร ซึ่งโจมตีเป้าหมายอย่างน้อย 50 แห่งในจังหวัดรักกา, เดียร์ อัล-ซอร์ และฮาซาคาห์ ทางภาคตะวันออกของซีเรีย ทั้งนี้รักกาถือเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของกลุ่มไอเอสด้วย
คำแถลงของกลุ่มนี้บอกด้วยว่า มีนักรบอย่างน้อย 50 คนและพลเรือน 8 คนถูกสังหาร ในการโจมตีใส่เป้าหมายของกลุ่ม “แนวร่วมอล-นุซรา” ซึ่งเป็นสาขาของอัล-กออิดะห์และเป็นศัตรูกับไอเอส ในจังหวัดอะเล็ปโป และอิดริป ที่อยู่ทางภาคเหนือของซีเรีย ทั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการอ้างอิงถึงการโจมตีที่ฝ่ายอเมริกันกล่าวว่าเป็นเป้าหมายของกลุ่มโคระซาน โดยที่ ซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กล่าวว่าพวกนักรบของแนวร่วมอัล-นุซราที่ตาย ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่ชาวซีเรีย
ด้านไอเอสประกาศทันทีว่าจะตอบโต้การโจมตีเหล่านี้ พร้อมกล่าวหาว่า ตระกูลผู้ปกครองซาอุดีอาระเบียเป็นผู้เปิดไฟเขียวสำหรับปฏิบัติการของสหรัฐฯและพันธมิตร นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21) อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี โฆษกของไอเอสยังได้แถลงว่า นักรบรัฐอิสลามพร้อมต่อสู้กับพวกพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ พร้อมกับเรียกร้องให้นักรบญิฮัดทั่วโลกโจมตีเป้าหมายสังหารพลเมืองของประเทศพันธมิตรเหล่านี้
การโจมตีของสหรัฐฯ และพันธมิตรคราวล่าสุดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการขยายปฏิบัติการทางทหารที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อมุ่ง “ลดทอนและทำลายล้าง” กลุ่มไอเอส ที่สังหารหมู่ประชาชนต่างศาสนาต่างนิกาย ตัดศีรษะชาวตะวันตก รวมทั้งยึดครองพื้นที่กว้างขวางในซีเรียและอิรักเพื่อสถาปนารัฐอิสาม
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่โอบามาจะไปเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก โดยที่เขามีกำหนดการจะนั่งเป็นประธานของการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นในวันพุธ (24) ซึ่งเป็นที่คาดว่าประมุขทำเนียบขาวจะใช้โอกาสนี้ระดมแนวร่วมเพื่อกำจัดกลุ่มไอเอส
ปฏิบัติการนี้ยังเป็นการชักนำอเมริกาเข้าสู่สงครามกลางเมืองในซีเรีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 200,000 คน จากก่อนหน้านี้ที่กองกำลังแดนอินทรีโจมตีเป้าหมายไอเอสในอิรักเท่านั้น เพราะไม่อยากถูกมองว่า สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ซึ่งโอบามายืนกรานว่า ต้องลงจากอำนาจ เนื่องจากเป็นที่เชื่อว่าใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนของตนเองเมื่อปีที่แล้ว
ปัจจุบัน ไอเอสซึ่งใช้อาวุธของอเมริกาที่ยึดมาได้จากทหารอิรัก ถือเป็นศัตรูที่ทรงพลังที่สุดของอัสซาด นอกเหนือจากกลุ่มกบฏซีเรียอื่นๆ
ทางฝ่ายรัฐบาลซีเรียนั้นแถลงว่า ได้รับการแจ้งจากวอชิงตันก่อนเริ่มโจมตีไอเอสในรักกา และเสริมว่าดามัสกัสจะยังคงโจมตีไอเอสในจังหวัดดังกล่าว รวมถึงเดียร์ อัล-ซอร์ต่อ และว่าการร่วมมือกับอิรักยังคงดำเนินต่อไป “ในระดับสูง”
ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่ต่อสู้กับทั้งอัสซาดและไอเอส ต่างยินดีกับการโจมตีทางอากาศของอเมริกา เนื่องจากเชื่อว่า จะช่วยกำจัดระบอบอัสซาดได้ในที่สุด
ทั้งนี้ แม้ได้รับการสนับสนุนจากชาติอาหรับ แต่พันธมิตรตะวันตกของอเมริกาอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส กลับไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีในซีเรียแต่อย่างใด
