เอเอฟพี - จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศกร้าวเมื่อวานนี้ (8) ว่าจะสร้างกลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่ยั่งยืน เพื่อเอาชนะกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) พร้อมระบุว่า แทบทุกประเทศล้วนมีบทบาทในการกวาดล้างนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ ที่กำลังสร้างความหวาดผวาไปทั่วทั้งอิรักและซีเรีย
เคร์รี ได้กล่าวชื่นชมคณะรัฐมนตรีอิรักชุดใหม่ที่ครอบคลุมทุกฝักฝ่าย และผ่านความเห็นชอบแล้วเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (8) ว่าเป็น “สิ่งสำคัญยิ่ง” สำหรับประเทศที่บอบช้ำจากไฟสงครามแห่งนี้ ซึ่งคำกล่าวนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่เขาจะเดินทางต่อไปเพื่อปฏิบัติภารกิจเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแนวหน้าต่อต้านกลุ่มไอเอส
พวกเขามี “ศักยภาพมากพอที่จะรวมสังคมอันหลากหลายของอิรักให้เป็นหนึ่ง” เขากล่าว โดยอ้างถึงฝักฝ่ายนิกายต่างๆ ที่ทำให้ประเทศนี้โกลาหลมาหลายปี
จากการที่มี 40 ประเทศพร้อมแล้วที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรต่อต้านกลุ่มไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้ เคร์รี ชี้ว่า “ตอนนี้คือเวลาที่เหล่าผู้นำของอิรักจะบริหารประเทศของพวกเขาด้วยวิสัยทัศน์และความรู้สึกเดียวกับที่ก่อให้เกิดรัฐบาลชุดใหม่นี้ขึ้นมา”
เคร์รี จะเดินทางไปยังกรุงอัมมานของจอร์แดนก่อนเป็นที่แรก ต่อจากนั้นคือนครเจดดาห์ในซาอุดีอาระเบีย แต่สำหรับรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศผู้นี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทูตแบบคาดเดาไม่ได้แล้ว ก็อาจจะมีการแวะเมืองอื่นๆ ด้วยก็เป็นได้
ด้าน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็ได้พูดคุยกับ ไฮดาร์ อัล-อบาดี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิรัก เพื่อแสดงความยินดีกับเขาในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าตำแหน่งด้านความมั่งคงที่สำคัญๆ จะยังว่างอยู่ก็ตาม
ทำเนียบข่าวกล่าวในถ้อยแถลงว่า “นายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะทำงานร่วมกับทุกกลุ่มสังคมในอิรัก ตลอดจนหุ้นส่วนในภูมิภาคและนานาชาติ เพื่อเสริมขีดความสามารถของอิรักในการต่อสู้กับศัตรูที่พวกเขามีร่วมกันในตอนนี้”
ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เคร์รี ให้คำมั่นว่าจะสร้าง “กลุ่มพันธมิตรหุ้นส่วนทั่วโลกที่กว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อเผชิญหน้า, ลดกำลัง และกำราบกลุ่มไอเอสลงในที่สุด”
“แทบทุกประเทศล้วนมีบทบาทในการขจัดภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอส รวมถึงสิ่งชั่วร้ายที่พวกนี้แสดงออกมา” เคร์รี กล่าวย้ำ
บางประเทศจะยกระดับ “ความช่วยเหลือทางการทหารทั้งทางตรงและในรูปแบบการฝึกฝน, การติดอาวุธ, การให้คำปรึกษา และการจัดสรรคอุปกรณ์ทางทหารต่างๆ” ขณะที่ ประเทศอื่นๆ จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเมืองที่ถูกกลุ่มไอเอสเพ่งเล็ง และช่วยขัดขวางการระดมเงินทุนของพวกไอเอส รวมถึงสกัดกั้นคลื่นนักรบต่างชาติที่ไหลหลั่งเข้ามายังสมรภูมิในอิรักและซีเรีย ด้วยการต่อต้านการบิดเบือนคำสอนของหนึ่งในศาสนาที่ยิ่งใหญ่และใฝ่สันติ” และยับยั้งการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มไอเอส
