xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นวางแผนล่า “วาฬมิงกี” ในมหาสมุทรใต้แม้ศาลโลกสั่งห้าม - อ้างฆ่าเพื่อเก็บข้อมูลวิทยาศาสตร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นคนหนึ่งเปิดเผยวันนี้ (3 ก.ย.) ว่าแดนอาทิตย์อุทัยมีแผนจะส่งเรือออกล่าวาฬมิงกีในมหาสมุทรใต้ (Southern Ocean) อีกครั้งในปีหน้า แม้ว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (ศาลโลก) จะมีคำสั่งให้ญี่ปุ่นล้มเลิกปฏิบัติการล่าวาฬทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าวแล้วก็ตาม

เมื่อเดือนมีนาคม โตเกียวถูกศาลสั่งให้ยกเลิกภารกิจล่าวาฬในปี 2013 - 2014 โดยศาลโลกระบุว่า ปฏิบัติการล่าวาฬประจำปีของแดนอาทิตย์อุทัยเป็นการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ที่อ้างวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์บังหน้า

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (2) รัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการล่าวาฬได้ประกาศนโยบายใหม่ เพื่อหลบเลี่ยงคำตัดสินของศาล โดยการเปลี่ยนแปลงโครงการที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้ให้มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น

สำนักการประมงญี่ปุ่นกล่าวกับเอเอฟพีว่า โตเกียวจะส่งเรือล่าวาฬออกเก็บ “ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการคำนวณจำนวนประชากรวาฬที่ถูกมีการอนุญาตให้จับได้ (ทันทีที่ญี่ปุ่นกลับมาดำเนินภารกิจล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้ง) และ “จำลองรูปแบบระบบนิเวศในมหาสมุทรใต้”

เขาระบุว่า “เรากำลังคิดว่า ตามนโยบายใหม่ เราจะเจาะกลุ่มไปที่วาฬมิงกีแถบขั้วโลกใต้อย่างเดียว”

ทั้งนี้ เชื่อกันว่า วาฬมิงกีมีจำนวนมากกว่า วาฬฟิน และวาฬหลังค่อมก็ถูกญี่ปุ่นล่าในภารกิจครั้งที่ผ่านๆ มา

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้อาศัยช่องโหว่ของข้อห้ามล่าวาฬเพื่อการค้าในปี 1986 ที่อนุญาตให้ฆ่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้เพื่อเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยอมรับว่าเมื่อกลับไปถึงประเทศแล้ว เนื้อของวาฬที่ถูกฆ่าจะถูกวางขายในตลาดขายปลา และนำไปทำเป็นอาหารตามภัตตาคาร

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ได้จุดชนวนให้บรรดาชาติที่ต่อต้านการล่าวาฬโกรธแค้น ด้วยการให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้ญี่ปุ่นสามารถกลับมาดำเนินภารกิจล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้ง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า การล่าวาฬเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมแดนอาทิตย์อุทัย

สำนักการประมงญี่ปุ่นมีแผนจะเสนอโครงการล่าวาฬที่ผ่านการแก้ไขปรับปรุงแล้ว ให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการควบคุมการล่าวาฬระหว่างประเทศ (ไอดับเบิลยูซี) พิจารณาภายในเดือนนี้ จากนั้นจึงจะผลักดันโครงการดังกล่าวต่อไปภายในปี 2014
(ภาพจากแฟ้ม) วาฬบรูดา ที่ญี่ปุ่นจับได้ระหว่างดำเนินโครงการล่าวาฬเพื่อการวิจัย แถบตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อปี 2013
เจ้าหน้าที่ของสำนักประมงผู้นี้ระบุว่า “จำเป็นต้องมีการฆ่าวาฬเพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็น (สำหรับการวิจัย) ซึ่งเป็นสิ่งที่คำตัดสินของศาลโลกให้การยอมรับ”

เขากล่าวว่า “เราได้กำหนดจำนวนวาฬทีจะล่าในปีถัดไปแล้ว ... เราวางแผนจะส่งแผนการใหม่ต่อคณะกรรมาธิการด้านวิทยาศาสตร์ของไอดับเบิลยูซี เพื่อรอการอนุมัติในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน”

ในการล่าวาฬในมหาสมุทรใต้ครั้งที่ผ่านๆ มา แดนอาทิตย์อุทัยได้กำหนดโควตาการล่าวาฬมิงกีไว้ที่ 935 ตัว ขณะที่วาฬฟิน และวาฬหลังค่อมจะมีจำนวนน้อยกว่านี้มาก

อย่างไรก็ดี องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “ซี เชพเพิร์ด” ได้เคลื่อนไหวต่อต้านการล่าวาฬอย่างแข็งขันจนทำให้จำนวนวาฬที่ตกเป็นเหยื่อลดลงอย่างฮวบฮาบ

นับตั้งแต่ศาลโลกออกคำตัดสินให้ญี่ปุ่นล้มเลิกภารกิจล่าวาฬแถบขั้วโลกใต้ แดนอาทิตย์อุทัยก็ได้ส่งเรือติดฉมวกออกล่าวาฬแล้ว 2 ครั้ง โดยเป็นโครงการที่ไม่ถูกสั่งห้าม

ในการล่าวาฬครั้งหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม โตเกียวได้สังหารวาฬเซไปทั้งสิ้น 90 ตัว และวาฬบรูดาอีก 25 ตัว ขณะที่การล่าวาฬแถบชายฝั่งเมื่อเดือนมิถุนายน ก็มีวาฬมิงกีถูกฆ่าไป 30 ตัว
เนื้อวาฬบรรจุซอง ซึ่งวางขายในร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากวาฬโดยเฉพาะ ในย่านการค้าอาเมะโยโกะ ของกรุงโตเกียว
กำลังโหลดความคิดเห็น