เอเจนซีส์ - ชาวอเมริกัน 3 รายที่ถูกคุมขังอยู่ในเกาหลีเหนือออกมาเรียกร้องวานนี้ (1 ก.ย.) ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผู้แทนไปเจรจากับเปียงยางเพื่อขอปล่อยตัวพวกเขาเป็นอิสระโดยเร็ว
เคนเนธ แบ, เจฟฟรีย์ ฟาวล์ และ แมทธิว มิลเลอร์ ออกมาพรรณนาถึงความทุกข์ยากที่ได้พบเจอระหว่างถูกกักขังอยู่ในรัฐคอมมิวนิสต์โสมแดง
“โปรดสวดภาวนาให้แก่ผมด้วย” แบ ซึ่งติดอยู่ในเกาหลีเหนือมานานกว่าใครเพื่อน ฝากข้อความไปถึงครอบครัวและเพื่อนฝูงผ่านบทสัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น
แบเล่าว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่โสมแดงบังคับให้ทำงานหนัก 8 ชั่วโมงต่อวัน 6 วันต่อสัปดาห์ และถูกปฏิบัติ “อย่างไร้ความเป็นมนุษย์”
หนุ่มอเมริกันเชื้อสายเกาหลีวัย 46 ปี ยังโอดครวญว่า เวลานี้สุขภาพย่ำแย่ลงเต็มทน และขอให้รัฐบาลสหรัฐฯทำเร่งทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยชีวิตเขา
“ผมขอร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผู้แทนเจรจามาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะมันเป็นความหวังเดียวที่ผมมีอยู่”
แบ ถูกจับกุมเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2012 และถูกศาลโสมแดงตัดสินใช้แรงงานหนัก 15 ปีฐานวางแผนบ่อนทำลายรัฐ
แบ, ฟาวล์ และมิลเลอร์ ได้ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเปียงยาง โดยทางซีเอ็นเอ็นระบุว่า ได้ส่งทีมข่าวเข้าไปปฏิบัติงานในเกาหลีเหนืออยู่แล้ว แต่ถูกทางการโสมแดงเรียกเข้าไปสัมภาษณ์เชลยชาวอเมริกันทั้ง 3 คนโดยไม่มีแผนล่วงหน้ามาก่อน
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับชาวอเมริกันที่ถูกเกาหลีเหนือคุมขังอยู่ และกำลัง “พยายามอย่างเต็มที่” ที่จะช่วยให้พวกเขาเป็นอิสระ
“ด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของ เจฟฟรีย์ ฟาวล์ และ แมทธิว มิลเลอร์ เราจึงขอเรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ปล่อยตัวพวกเขา เพื่อให้ได้กลับมาหาครอบครัว” เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว
“นอกจากนี้ เราขอให้เกาหลีเหนืออภัยโทษแก่ เคนเนธ แบ เป็นกรณีพิเศษด้วย และปล่อยตัวเขาในทันที เพื่อให้เขาได้กลับมาอยู่กับครอบครัวและได้รับการรักษาจากแพทย์”
ฟาวล์ เดินทางเข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 29 เมษายน และถูกเจ้าหน้าที่โสมแดงควบคุมตัวหลังทิ้งพระคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ส่วน มิลเลอร์ ก็ถูกจับในเดือนเดียวกันหลังฉีกวีซาของคนเองที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และขอลี้ภัยกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ
ฟาวล์ เสนอให้อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน หรือ จอร์จ บุช แห่งสหรัฐฯ รับหน้าที่ผู้แทนเจรจาในครั้งนี้ พร้อมเผยว่าตนเองได้รับการปฏิบัติ “อย่างดีพอสมควร” โดยสามารถออกมาเดินเล่นได้ทุกวัน และมีห้องส่วนตัวที่คล้าย “ห้องสวีทในโรงแรม”
ด้าน มิลเลอร์ ซึ่งสวมเสื้อคอเต่าสีดำและเมินหน้าไปจากผู้สัมภาษณ์บ่อยครั้ง ก็วิงวอนขอความช่วยเหลือจากวอชิงตันเช่นกัน
“กรณีของผมเร่งด่วนมาก... ผมคิดว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ให้สัมภาษณ์ เพื่อขอร้องให้รัฐบาลอเมริกันช่วยผม”
เมื่อเดือนกรกฎาคม เกาหลีเหนือประกาศจะนำตัวมิลเลอร์ และฟาวล์ไปขึ้นศาลด้วยข้อหาเกี่ยวกับ “การกระทำอันเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามแบเกี่ยวกับสุขภาพของเขาในเวลานี้ เขาก็ตอบว่านอนไม่ค่อยหลับ ปวดหลังอย่างรุนแรง และต้องเข้าๆ ออกๆ ระหว่างค่ายผู้ใช้แรงงานกับโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ
“ผมรู้สึกชาและปวดหนึบๆ นอนหลับยากมาก และต้องออกไปทำงานในไร่ทุกวัน”
โรเบิร์ต คิง ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ว่าด้วยปัญหาสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ เคยพยายามจะเดินทางไปรัฐโสมแดงเพื่อขอปล่อยตัว แบ มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ถูกเกาหลีเหนือปฏิเสธในนาทีสุดท้ายทุกครั้งไป
วิกเตอร์ ชา ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ชี้ว่า การอนุญาตให้ชาวอเมริกันทั้ง 3 คนออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้บ่งบอกว่าเกาหลีเหนือ “เต็มใจที่จะพิจารณาการปล่อยตัวทั้งสามคน หากสหรัฐฯ ยอมส่งผู้แทนเจรจาระดับสูงเข้าไปไกล่เกลี่ย”
