รอยเตอร์ – นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน 2 รายที่ถูกจับกุมในเกาหลีเหนือเรียกร้องผ่านสื่อต่างชาติให้รัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยวิ่งเต้นให้พวกเขาได้รับอิสรภาพโดยเร็ว
รัฐบาลเปียงยางออกมาขู่ว่า แมทธิว ทอดด์ มิลเลอร์ และ เจฟฟรีย์ ฟาวล์ สองหนุ่มอเมริกันที่ถูกจับกุมตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม จะถูกดำเนินคดีฐานก่ออาชญากรรมบ่อนทำลายรัฐ
“ผมขอให้รัฐบาลอเมริกัน ชาวอเมริกันทั้งหลาย และประชาคมโลก ช่วยนำผมออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้ที” มิลเลอร์ วัย 24 ปี ซึ่งเป็นชาวเมืองเบเกอร์สฟิลด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ Associated Press ซึ่งทำการบันทึกเทปที่กรุงเปียงยางเมื่อวานนี้(1)
คลิปวีดีโอดังกล่าวยังมีลายมือของ ฟาวล์ วัย 56 ปี จากเมืองไมอามีสเบิร์ก รัฐโอไฮโอ ซึ่งบอกว่าเขาถูกจับเพียงเพราะวางพระคัมภีร์ไบเบิลทิ้งเอาไว้ ระหว่างไปเที่ยวชมสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองท่าชองจิน
“ผมอยากกลับไปหาครอบครัวเหลือเกินแล้ว ช่วยผมกลับบ้านด้วยเถอะ” จดหมายของ ฟาวล์ ระบุ
“ผมเพียงต้องการส่งสารไปยังทุกคนที่จะรับทราบได้ ให้ช่วยพาพวกเรากลับบ้านที”
จากภาพที่เห็นดูเหมือนชายทั้งสองจะพูดอยู่กับใครบางคนโดยไม่สบตามองกล้อง และไม่ทราบแน่ชัดว่า การสัมภาษณ์ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือคอยควบคุมอยู่ด้วยหรือไม่
แหล่งข่าวที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุม ฟาวล์ ยืนยันกับรอยเตอร์ว่า ชายผู้นี้ได้ทิ้งพระคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้ที่สโมสรนักเดินเรือเมืองชองจิน ซึ่งเป็นที่พักสำหรับนักเดินเรือที่ไปเยือนเมืองท่าซึ่งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ
ในส่วนของ มิลเลอร์ นั้น โสมแดงอ้างว่าถูกจับเพราะฉีกวีซานักท่องเที่ยว และพยายามยื่นคำร้องขอลี้ภัยในเกาหลีเหนือ
บริษัท อูริ ทัวร์ส ซึ่งรับจัดกรุ๊ปทัวร์ไปเกาหลีเหนือ แถลงผ่านเว็บไซต์ว่า มิลเลอร์ ได้ติดต่อขอซื้อทัวร์ไปเที่ยวรัฐโสมแดงเพียงคนเดียว
ปัจจุบันมีพลเมืองสหรัฐฯ ถูกคุมขังอยู่ในเกาหลีเหนือรวมทั้งสิ้น 3 คน หนึ่งในนั้นคือ เคนเนธ แบ หนุ่มอเมริกันเชื้อสายเกาหลีซึ่งถูกจับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2012 และถูกศาลเกาหลีเหนือตัดสินใช้แรงงานหนัก 15 ปี
หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่เป็นกระบอกเสียงของโสมแดงรายงานว่า แบ รู้สึกเสียใจที่รัฐบาลสหรัฐฯ “ทอดทิ้ง” พลเมืองเช่นเขา และขอร้องอีกครั้งให้ผู้มีอำนาจทุกฝ่ายคืนอิสรภาพให้