เอเอฟพี - ธนาคารเครดิตสวิส แบงก์ใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสั่งปรับเงินสูงถึง 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวานนี้ (19) หลังยอมรับผิดกรณีช่วยเศรษฐีอเมริกันหลบเลี่ยงภาษีนับพันๆ ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่สหรัฐฯ ประกาศบทลงโทษทางอาญากับกับธนาคารขนาดใหญ่
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า เครดิตสวิสซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ช่วยเศรษฐีอเมริกันเปิดบัญชีสินทรัพย์ซ่อนเร้นและมูลนิธิปลอมเพื่อหลบเลี่ยงภาษีมาเป็นเวลาหลายสิบปี
บริษัทลูกที่เครดิตสวิสถือหุ้น 100% ยังถูกใช้เป็นแหล่งซุกซ่อนเงิน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สรรพากรสหรัฐฯมานานกว่า 100 ปี
ภายใต้เงื่อนไขประนีประนอม เครดิตสวิสได้ยอมรับข้อหาอุกฉกรรจ์ฐานวางแผนช่วยเหลือในการหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งจะต้องเสียค่าปรับเป็นวงเงินมหาศาล แต่หลังจากนั้นจะสามารถดำเนินกิจการในสหรัฐฯต่อไปได้ โดยไม่ต้องเกรงว่าจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต
“คดีนี้แสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหนก็ไม่อาจอยู่เหนือกฎหมายได้” เอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
เอกสารคำร้องซึ่งได้ยื่นต่อศาลแขวงเมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย ระบุว่า เครดิตสวิสได้ช่วยพลเมืองสหรัฐฯตระเตรียมและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีอันมีข้อมูลเป็นเท็จ “อย่างผิดกฎหมาย, เต็มใจ, จงใจ และวางแผนอย่างตระหนักรู้”
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่า ธนาคารแห่งนี้ช่วยปกปิดทรัพย์สินของลูกค้าโดยการเปิดบัญชีที่ใช้ชื่อปลอม, ทำลายบันทึกการเงิน หรือแม้กระทั่งนำเงินสดไปส่งให้กับมือลูกค้าโดยไม่ออกเอกสารเป็นหลักฐาน
วงเงิน 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นค่าปรับก้อนใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่วอชิงตัน ได้ใช้บทลงโทษทางกฎหมายกดดันไม่ให้สวิตเซอร์แลนด์เป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษี
ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์อีก 13 แห่งก็กำลังถูกสหรัฐฯสอบสวนเพื่อเอาผิดในกรณีเดียวกัน ส่วนสถาบันการเงินอีกราว 100 แห่งก็ถูกบีบให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อเมริกัน และยอมจ่ายค่าปรับฐานช่วยพลเมืองสหรัฐฯหลบเลี่ยงภาษี
สหรัฐฯ ได้ดำเนินคดีต่อพนักงานเครดิตสวิส 8 ราย ในจำนวนนี้ยอมรับสารภาพแล้ว 2 ราย แต่ไม่มีใครเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคาร
ปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการหลบเลี่ยงภาษีอย่างเข้มข้นทำให้พลเมืองสหรัฐฯ ราว 43,000 คนยอมแจ้งบัญชีทรัพย์สินในต่างประเทศ และจ่ายภาษีคืนรัฐกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์