กลาโหมญี่ปุ่นร้องขอ “งบฯ ก้อนใหญ่” เป็นประวัติการณ์ หวังคานอิทธิพลจีน

เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นร้องของบประมาณก้อนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์วันนี้ (29) ขณะที่โตเกียวกำลังยกระดับกองทัพของตนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับขอบเขตอิทธิพลของกองทัพเรือจีนที่กำลังแผ่กว้างขึ้นทุกขณะ

กระทรวงกลาโหมต้องการงบประมาณ 5.05 ล้านล้านเยน (ราว 1.55 ล้านล้านบาท) สำหรับปีนี้ เพื่อเสริมการป้องกันแนวหมู่เกาะทางใต้ตั้งแต่เกาะคิวชูเรื่อยไปจนถึงน่านน้ำใกล้ไต้หวัน

หากการร้องนี้ขอได้รับความเห็นชอบก็จะถือเป็นการเพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเพิ่มขึ้นราว 3.5 เปอร์เซ็นต์งบประมาณสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันจนถึงเดือนมีนาคม ปี 2015

แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นความคาดหวังของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่จะสร้างกองทัพให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น จากการเล็งเห็นถึงความตึงเครียดกับจีนที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต

ญี่ปุ่นระมัดระวังจีนมากยิ่งขึ้น และหลายประเทศในถูมิภาคนี้ก็มองว่าแดนมังกรกำลังก้าวร้าวมากขึ้นทุกขณะจากการอ้างอธิปไตยในหลายพื้นที่ รวมถึงความขัดแย้งในเรื่องสิทธิครองครองเกาะกับโตเกียวที่เรื้อรังมานาน

สินค้าในรายการจับจ่ายของกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ประกอบด้วยเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล “P1” จำนวน 20 ลำ รวมมูลค่า 378,000 ล้านเยน (หรือราว 116,386 ล้านบาท) และเครื่องบินเอ็มวี-22 ออสเปรย์ (Osprey) จำนวน 5 ลำ ที่มีทั้งความสามารถด้านการเคลื่อนย้ายของเฮลิคอปเตอร์และพิสัยการเดินทางเทียบเท่าเครื่องบินอื่นๆ รวมถึง อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) รุ่น “โกลบัล ฮอว์ก” (Global Hawk) 3 ลำ และเครื่องบินขับไล่สเตลท์ เอฟ-35 สุดไฮเทคอีก 6 ลำ

นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังต้องการสำรองเงินไว้สำหรับจัดตั้งกองพลน้อยสะเทินน้ำสะเทินบกชุดใหม่ ซึ่งจะรับหน้าที่ปกป้องเกาะนันเซย์ โชะโท ที่อยู่ระหว่างทะเลจีนตะวันออกและมหาสมุทรแปซิฟิก

การร้องของบประมาณเพิ่มเติมนี้มีขึ้น หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้วคณะรัฐมนตรีของ อาเบะ ตัดสินใจที่จะกันเงินไว้ราว 24,700 ล้านล้านเยน (หรือราว 7,598 ล้านล้านบาท) ระหว่างปี 2014-2019 เพื่อใช้สำหรับจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมถึง โดรน, เรือดำน้ำ, เครื่องบินขับไล่ และยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบก ในยุทธศาสตร์ป้องกันภาคใต้และตะวันตก

ญี่ปุ่นและจีนมักเปิดศึกกันในเรื่องสิทธิครอบครองหมู่เกาะเซ็งกากุที่โตเกียวยึดครองอยู่เป็นบางส่วน ซึ่งปักกิ่งก็อ้างสิทธิในชื่อ เตี้ยวอี๋ว์ โดยอากาศยานและเรือของจีนมักจะเข้าไปทดสอบกองกำลังของแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ประจำ

อาเบะ ผู้มีแนวคิดไปทางอนุรักษ์นิยมได้เดินทางไปต่างประเทศอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อต้านทานความพยายามของจีนที่จะขยายขอบเขตอิทธิพลของตน

นอกจากนี้ อาเบะยังพยายามส่งเสริมให้ความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ เข้มแข็งขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ความพยายามด้านความมั่นคงของเขาได้สร้างความกังวลในจีนและเกาหลีใต้ ที่ต่างเคยเป็นเหยื่อของนโยบานแสนยานุภาพอย่างป่าเถื่อนของญี่ปุ่นจวบจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2