รอยเตอร์ - รัฐบาลจีนออกมาเรียกร้องวันนี้ (28 ส.ค.) ให้ญี่ปุ่นปลีกตัวจากพฤติกรรมก้าวร้าวในอดีตเพื่อสร้างความมั่นใจแก่เพื่อนบ้านในเอเชีย หลังมีข่าวว่านายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ส่งข้อความสดุดีผู้นำทหารยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าเป็น “ผู้สละชีพเพื่อจักรพรรดิโชวะ” ทั้งที่บุคคลเหล่านี้ถูกทั่วโลกตราหน้าว่าเป็น “อาชญากรสงคราม”
เมื่อเดือนเมษายน นายกฯ อาเบะ ได้ส่งข้อความดังกล่าวไปยังวัดพุทธแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์รำลึกถึง “ผู้สละชีพเพื่อจักรพรรดิโชวะ” กว่า 1,000 คน รวมถึงนายทหารระดับสูงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถูกศาลฝ่ายสัมพันธมิตรตัดสินประหารชีวิต หรือไม่ก็ตายในเรือนจำ เจ้าหน้าที่จากคณะผู้จัดงานดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (27)
คำว่า “โชวะ” เป็นอีกพระนามหนึ่งของจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ซึ่งทหารญี่ปุ่นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ต่อสู้และสละชีพเพื่อความเกรียงไกรของพระองค์
กระแสข่าวเรื่องอาเบะส่งข้อความอาลัยและสดุดีวีรชนสงครามครั้งนี้ คาดว่าจะกระพือความบาดหมางระหว่างโตเกียวกับจีนให้รุนแรงยิ่งขึ้นอีก
“รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องทบทวนพฤติกรรมก้าวร้าวในอดีตอย่างจริงใจ และปลีกตัวเองจากลัทธิทหารนิยม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านได้” ฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงในวันนี้ (28) หลังจากสื่อมวลชนรายหนึ่งได้สอบถามความเห็นที่รัฐบาลจีนมีต่อการกระทำของผู้นำญี่ปุ่น
“เราหวังว่าญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามเจตนารมณ์ละเลิกพฤติกรรมก้าวร้าวหลังสงคราม และแสดงออกในทางปฏิบัติเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย ตลอดจนประชาคมโลก”
การที่รัฐมนตรีและ ส.ส.ญี่ปุ่นเดินทางไปศาลเจ้ายาสุกุนิในกรุงโตเกียวเพื่อสักการะดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตในสงคราม รวมถึงอดีตผู้นำทหารยุคสงครามโลก ได้สร้างความเดือดดาลต่อเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้ซึ่งยังไม่ลืมความเจ็บปวดเมื่อครั้งถูกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นรุกราน
นอกจากคำมั่นสัญญาเรื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ทำให้เขากวาดคะแนนเสียงถล่มทลายในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012 แล้ว อาเบะยังดำเนินนโยบายชาตินิยมจัด เช่น การเอ่ยถึงบทบาทของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยถ้อยคำที่ไม่แสดงความสำนึกผิดนัก และยังริเริ่มตีความรัฐธรรมนูญสันติภาพเสียใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นสามารถขยายบทบาททางทหารได้