เอเจนซีส์ - ตำรวจสากลประกาศสอบสวนคดีข้ามชาติ มิตซูโตกิ ชิเกตะ (Mitsutoki Shigeta) นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นวัย 24 ปีที่เป็นบิดาของเด็กทารกจากการอุ้มบุญในไทยจำนวนถึง 16 คน
พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานกลางตำรวจสากลประเทศไทย (อินเตอร์โพล) แถลงเมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ว่า ทางอินเตอร์โพลจะเริ่มสอบสวนคดีข้ามชาติ มิตซูโตกิ ชิเกตะ (Mitsutoki Shigeta) ที่เป็นต้นตอสเปิร์มอุ้มบุญเด็กทารกจำนวนอย่างน้อย 9 คน โดยทางเจ้าหน้าที่ต้องการทราบสาเหตุทำไมชิเกตะจึงมีบุตรเป็นจำนวนมาก ในขณะนี้ชิเกตะยังไม่ถูกตั้งข้อหา และเขาต้องการนำเด็กทารกที่เป็นเลือดเนื้อของเขากลับ โดยทารกทั้งหมดในขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์
นอกจากนี้ พล.ต.ต.อภิชาติยังกล่าวเสริมว่า สำนักงานอินเตอร์โพลในญี่ปุ่น อินเดีย และกัมพูชาได้ร้องขอให้มีการสอบสวนเบื้องหลังของมิตซูโตกิ ชิเกตะ โดยทางตำรวจสากลมีข้อมูลว่า ชิเกตะได้จดทะเบียนทำธุรกิจหรือมีอพาทเมนต์ในประเทศเหล่านั้น
ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเข้าทะลายคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในย่านกรุงเทพฯที่ใช้ในธุรกิจอุ้มบุญ และพบทารกจำนวน 9 คนถูกเลี้ยงไว้ที่นั่น โดยมี มิตซูโตกิ ชิเกตะ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นวัย 24 ปี เกี่ยวพันฐานะพ่อของเด็กเหล่านั้นในคดีสอบสวน “โรงงานผลิตเด็ก” ซึ่งล่าสุดสื่อไทยรายงานว่า จากการตรวจสอบดีเอ็นเอของเด็กทารกพบว่า มี 9 คนที่มีดีเอ็นเอตรงกับนักธุรกิจญี่ปุ่นรายนี้ ที่ล่าสุดชิเกตะผิดนัดมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ตัวแทนทนายความได้ประสานไว้แต่แรก โดยในขณะนี้กองการต่างประเทศ อยู่ระหว่างประสานให้ชิเกตะมาให้ข้อมูลตำรวจไทย โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าชิเกตะ จะเดินทางมาไทยเพื่อให้ข้อมูลและแสดงความบริสุทธิ์ใจเช่นกัน
และเซาท์มอร์นิงไชนาโพสต์ สื่อจีน และบางกอกโพสต์ หนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษของไทย รายงานข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ที่จริงแล้ว มิตซูโตกิ ชิเกตะ เป็นลูกชายนักธุรกิจโทรคมนาคมพันล้านที่เป็นผู้ก่อตั้งหนึ่งในบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น
ไทยได้เริ่มต้นทำการกวาดล้างธุรกิจอุ้มบุญเถื่อนอย่างจริงจังหลังจากภัทรมน จันทร์บัว แม่อุ้มบุญชาวไทยวัย 21 ปีอ้างว่า เดวิดและเวนดี ฟาร์เนลล์ สองสามีภรรยาจากบันบิวรี ทางตะวันตกของออสเตรเลียจ้างให้เธออุ้มท้องเด็กฝาแฝด แต่ทิ้งให้ฝาแฝดชาย หรือ แกรมมี่ ไว้ที่ไทยหลังพบว่า แกรมมี่ป่วยเป็นโรคดาว์นซินโดรม
และในต้นเดือนนี้แพทยสภาได้สั่งปิดคลินิกให้บริการรับอุ้มบุญกลางกรุงเทพฯหลังจากตำรวจสืบพบว่าเชื่อมโยงคดี “โรงงานผลิตเด็ก” ของชิเกตะ
ธุรกิจรับจ้างตั้งครรภ์มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในหลายประเทศทั่วโลก เช่น อินเดีย และไทย และได้ถูกจับตามองจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่อ้างว่า หญิงที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้มีความจำเป็นด้านการเงินบีบบังคับทำให้จำเป็นต้องรับงานนี้ และในคดี “โรงงานผลิตเด็ก” เชื่อว่าทารกคนอื่นๆที่เป็นบุตรของชิเกตะนั้นเกิดในอินเดียและกัมพูชาด้วยเช่นกัน
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์กับเอพีว่า ทางตำรวจไทยสอบสวนคดี “โรงงานผลิตเด็ก” ในแง่เชื่อมโยงถึงการค้ามนุษย์ และการหาประโยชน์เชิงพาณิชย์จากเด็ก และเผยต่อว่า ตั้งแต่ต้นปี 2010 ชิเกตะเดินทางมาไทยถึง 41 ครั้ง และยังเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เป็นต้น โดยชิเกตะได้ให้ตัวอย่างดีเอ็นเอจากญี่ปุ่นเพื่อยืนยันความเป็นพ่อของเด็กทารกเหล่านั้น และหลังจากมีการเข้าทะลายคอนโดมิเนียมกลางเมืองหลวงในวันที่ 5 สิงหาคม แล้ว นักธุรกิจญี่ปุ่นรายนี้รีบเดินทางออกนอกไทยทันที และส่งข้อความผ่านทนายความว่า ประสงค์ต้องการมีครอบครัวขนาดใหญ่ และมีกำลังทรัพย์สามารถดูแลบุตรทุกคนได้
พล.ต.ท.ก่อเกียรติยังเผยต่อว่า ชิเกตะได้ว่าจ้างหญิงไทยจำนวน 11 คนให้ช่วยอุ้มท้องลูกของเขา ที่มีทารกฝาแฝดรวมอยู่ด้วย แต่ทางตำรวจไทยยังไม่ได้สืบสวนหารายละเอียดแม่เด็กทารกตามสายเลือดเหล่านั้น
ด้านมาเรียม คูคูนาชวิลลี (Mariam Kukunashvili) หนึ่งในผู้ก่อตั้งนิว ไลฟ์ โกลบัล เน็ตเวิร์ก เครือข่ายรับว่าจ้างติดต่อแม่อุ้มบุญในจอร์เจีย ยูเครน อินเดีย อิสราเอล โปแลนด์ และไทยที่ทำงานร่วมกับชิเกตะว่า เธอได้เข้าแจ้งกับตำรวจอินเตอร์โพลหลังจากนักธุรกิจญี่ปุ่นวัย 24ปีนี้ขอให้ทำอุ้มบุญหลายครั้ง โดยเธออ้างว่าได้ส่งทั้งแฟกซ์และอีเมลไปยังสำนักงานใหญ่ตำรวจสากลในเดือนเมษายน 2013 ที่เมืองลียง ฝรั่งเศส แต่ พล.ต.ต.อภิชาติ หัวหน้าอินเตอร์โพลจากไทยกล่าวโต้ว่า ทางอินเตอร์โพลไม่เคยได้รับแจ้งในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม โฆษกตำรวจสากลในฝรั่งเศสยังไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้
“ชิเกตะเคยกล่าวว่า เขาต้องการเด็กทารกจำนวน 10-15 คน ต่อปี และชิเกตะยังยืนยันว่าจะอยู่ในกระบวนการผลิตทารกจนกระทั่งตาย” คูคูนาชวิลลีเผยกับเอพี และให้สัมภาษณ์ต่อว่า “ชิเกตะเคยพูดว่า ต้องการชนะการเลือกตั้ง และอาจใช้สมาชิกครอบครัวขนาดใหญ่ของเข้าช่วยลงคะแนนให้ตัวเขาเข้าสู่แวดวงการเมืองญี่ปุ่น ซึ่งสิ่งที่เขาจะทิ้งให้ไว้กับโลกนี้ดีที่สุดคือเด็กเหล่านี้” แต่อย่างไรก็ตามคูคูนาชวิลลีปฎิเสธจะให้ทางเอพีสัมภาษณ์ผู้จัดการนิว ไลฟ์ โกลบอล เน็ตเวิร์ก
โดยก่อนหน้านี้สื่อไทยเคยรายงานว่า พ่อเศรษฐีพันล้านชาวญี่ปุ่นไว้ใจในตัวลูกชายคนนี้มากถึงกับเปิดบริษัทใหม่ให้ดูแล และอีกทั้งนิสัยส่วนตัวของชิเกตะเป็นคนชอบเก็บตัว จึงเป็นเรื่องแปลกที่เขาต้องการมีบุตรเป็นจำนวนมาก แต่คูคูนาชวิลลีได้เคยให้สัมภาษณ์กับบางกอกโพสต์ว่า ชิเกตะใช้วิธีรีดน้ำเชื้อตัวเองจำนวนมากและเก็บแช่แข็งไว้เพื่อเป็นหลักประกันว่า เขายังคงสามารถผลิตเด็กได้แม้อายุล่วงเข้าวัยชรา