เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - ล่าสุดหลังจากอาร์เจนตินาประกาศแผนการเพื่อแก้ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้เงินปันผลดอกเบี้ยให้แก่นักลงทุนถือตราสารหนี้ปรับโครงสร้าง เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โทมัส กรีซา (Thomas Griesa) ผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ ประกาศ การดำเนินการของอาร์เจนตินาผิดกฎหมาย
เมื่อวานนี้ (21) โทมัส กรีซา (Thomas Griesa) ผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ เจ้าของคดี ประกาศ แผนการแลกตราสารหนี้เดิมกับตราสารหนี้ออกใหม่เพื่อทำให้อาร์เจนตินาสามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เงินปันผลแก่นักลงทุนนั้น ถือว่า “ผิดกฎหมาย” แต่กรีซายังไม่รวมความไปถึง “อาร์เจนฯ ได้ละเมิดคำสั่งศาล”
ในคืนวันอังคาร (19) ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา กริสตีนา เอลิซาเบต เฟร์นันเดซ เด กีร์ชเนร์ แถลงในความพยายามของรับบาลที่จะหลบเลี่ยงคำสั่งศาลสูงสหรัฐฯที่ห้ามไม่ให้รัฐบาลของเฟร์นันเดซจ่ายดอกเบี้ยปันผลก่นักลงทุนที่ร่วมในกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้ เฟร์นันเดซถูกศาลสูงสหรัฐฯ สั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เธอต้องจัดการจ่ายเงินเต็มมูลค่าตราสารหนี้ให้แก่เฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ 2 แห่งที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องก่อน ซึ่งบริษัทเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ ถือบอนด์เดิมที่ผิดนัดชำระหนี้ในปี 2001 เนื่องจากอาร์เจนตินาประสบปัญหาวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ และทำให้ประเทศต้องขอรับความช่วยเหลือจาก IMF
“ผมขอพูดให้ชัดเจนว่า แผนการของอาร์เจนตินาได้ละเมิดคำพิพากษาของคดี ณ ศาลแห่งนี้ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย และศาลได้สั่งแล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้” โทมัส กรีซา (Thomas Griesa) ผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ กล่าวในวันพฤหัสบดี(21)
บริษัท อีเลียต แมเนจเมนต์ คอร์ป (Elliott Management Corp) และบริษัท ออเรอุส แคปปิตอล แมเนจเมน แอลพี (Aurelius Capital Management LP) บริษัทเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ ทั้งสองแห่งได้ซื้อตราสารหนี้อาร์เจนตินาในราคาที่ต่ำมาก หลังจากอาร์เจนตินาได้เกิดวิกฤตการเงินระดับประเทศ และเป็นผลให้เกิดผิดนัดชำระหนี้ในปี 2001-2002 ซึ่งมูลค่าตราสารที่เฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯถือไว้มีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์
แต่ที่ผ่านมาอาร์เจนตินาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินเต็มจำนวนแก่เฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ เพราะไม่มีความสามารถจะชำระหนี้มูลค่ามหาศาลได้ และเรียกเหล่าเฮดจ์ฟันเหล่านี้ว่า การบีบให้อาร์เจตินาต้องจ่ายเปรียบเสมือน “การกรรโชกทรัพย์” จากการที่เหล่าเฮดจ์ฟันด์ปฎิเสธที่จะเข้าร่วมการปรับโครงสร้างหนี้โดยการแลกเปลี่ยนกับตราสารหนี้ที่มีมูลค่าน้อยกว่า
นอกจากนี้ กรีซายังเปรียบเทียบคดีนี้โดยการยกตัวอย่างว่า “จุดยืนของเฟร์นันเดซคือ ชายคนหนึ่งต้องการทำสัญญาการซื้อขายบ้านมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ ในราคาซื้อเพียง 80,000 ดอลลาร์ และกล่าวยืนยันว่า 80,000 ดอลลาร์ ถือเป็นราคาที่สูงแล้ว และครอบครัวของเขาพร้อมที่จะย้ายเข้ามาอยู่” กรีซากล่าว และเสริมว่า “ชายผู้นี้คงต้องถูกคนแถวนั้นหัวเราะเยาะในข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้นี้”
และในวันพฤหัสบดี (21) กรีซายังได้ร้องขอให้ทั้งอาร์เจนตินาและเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯเดินหน้าเข้าสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง “หากมีกระบวนการนำไปสู่หาข้อยุติ ซึ่งหนทางนี้สมควรเป็นสิ่งที่ถูกเลือก” กรีซากล่าว
ในเดือนกรกฎาคม รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา แอ็กเซิล คิซิลลอฟ บินไปที่นิวยอร์กเพื่อเจรจากับกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ แต่ทว่าการเจรจาต้องยุติลง และเป็นผลทำให้อาร์เจนตินาเกิดผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 30 กรกฎาคมล่าสุด ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ของอาร์เจนตินาในรอบ 13 ปี และยิ่งทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจถดถอยให้ซ้ำเติมอาร์เจนตินามากขึ้น
ล่าสุดรอยเตอร์รายงานในวันที่ 15 สิงหาคมว่า อัตราเงินเฟ้อของอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนในช่วงกรกฎาคม ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวเพิ่ม 16.7% นับตั้งแต่ต้นปี 2014 อ้างอิงจากข้อมูลของอาร์เจนตินาที่ออกมาในวันศุกร์ (15) และพบว่าอัตราดัชนีราคาผู้บริโภคในประเทศละตินอเมริกาแห่งนี้ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค เพิ่มสูงขึ้น 1.4 % เดือนต่อเดือน ซึ่งเพิ่มเล็กน้อยจาก 1.3% ในเดือนมิถุนายน 2014
ค่าใช้จ่ายการเดินทางและขนส่งเพิ่ม 2.6% จากเดือนก่อนหน้านี้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านสันทนาการปรับสูงขึ้น 3.1%
จากโพลการสำรวจของรอยเตอร์ที่ได้รวบรวมมาจากนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ 7 คนแสดงชัดว่า อาร์เจนตินามีค่า median forecast อยู่ที่ 1.5% ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตตราเงินเฟ้อสูงสุด ซึ่งนักวิเคราะห์เอกชนทำนายว่า อัตราเงินเฟ้อของแดนฟ้าขาวประจำปี 2014 จะเกิน 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ 25% ในปี 2013