“ทนายสุวัตร” เผย “สนธิ” มีกำลังใจดี มั่นใจศาลฎีกาเมตตาให้ประกันตัววันนี้ (8 ส.ค.) ชี้หากไม่อนุญาตต้องเร่งให้ผู้พิพากษาคดีนี้ในศาลชั้นต้น หรืออุทธรณ์ รับรองฎีกาให้ พร้อมวอนพันธมิตรฯ ให้อดทน อย่าโจมตีศาล เพราะจะกระทบไปถึงจำเลย
วานนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ News Hour เผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทิวบ์ ช่อง ASTVManager VDO ถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล 20 ปี ฐานผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าคดีนี้เกิดขึ้นจากการที่นายสนธิเป็นกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และได้เข้าไปค้ำประกันบริษัท เดอะ เอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ต่อมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 เกิดการผิดนัดชำระหนี้ แล้วก็เป็นกันทั้งประเทศ แต่ในที่สุด บมจ.เดอะ เอ็ม กรุ๊ป ก็ได้ชะระหนี้ต่อธนาคารกรุงไทยจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ความเสียหายไม่เกิดกับบุคคลใด แต่ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนดว่า ถ้า บมจ.แมเนเจอร์ฯ จะไปค้ำประกันให้ผู้ใด ต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท และต้องมีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ แต่ตอนนั้นไม่ได้มีการประชุมกรรมการ และไม่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ และการกู้ทำติดต่อกันเป็นเวลา 5 ครั้ง ศาลเลยแยกเป็นความผิด 5 กรรม ไล่มาเรื่อยตั้งแต่กรณีไม่จัดการประชุมเป็นความผิด 1 กรรม ไม่แจ้งต่อตลาดฯเป็นอีก 1 กรรม โดยลงโทษกรรมละ 5 ปี ลดกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า เริ่มต้นเราสู้คดีให้การปฏิเสธมาตลอด แต่ต่อมาศาลอาญาเปิดกระบวนการไกล่เกลี่ยสมานฉันท์ พยายามทำให้คดีจบไป ตอนนั้นรองอธิบดีและผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีการพูดคุยกันว่าถ้าเรารับสารภาพก็อยู่ในเกณฑ์จำคุกไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน สามารถรอลงอาญาได้ ตอนนั้นเราจึงได้ตัดสินใจรับสารภาพ แต่พอดีจังหวะโชคร้ายมีการเปลี่ยนแปลงอธิบดีและรองอธิบดี อธิบดีใหม่ไม่เห็นด้วยที่ให้รอลงอาญา เลยพิพากษาไม่รอลงอาญา เราเลยอุทธรณ์ว่าคดีนี้มีเหตุผลที่รอลงอาญาได้เนื่องจากธนาคารไม่เสียหาย เพราะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ผู้ถือหุ้น บมจ.แมเนเจอร์ฯ ไม่มีผู้ใดเสียหาย การที่บริษัทลูกเข้าค้ำบริษัทแม่หลังภาวะเศรษฐกิจปี 40 ทุกบริษัททำอย่างนี้หมด
นายสุวัตรกล่าวอีกว่า วันนี้เมื่อศาลพิพากษายืนจำคุก 20 ปี ตนก็ได้ยื่นฎีกาแล้ว แต่เนื่องจากโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ตามกฎหมายห้ามไม่ให้ฎีกา เพราะโทษเล็กน้อย เมื่อยื่นประกันไปก็ต้องขอให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์ท่านใดท่านหนึ่งรับรองว่าเป็นการฎีกาข้อกฎหมายที่สมควรจะขึ้นต่อการพิจารณาคดีของศาลฎีกา คิดว่าท่านผู้พิพากษาคงรับรองฎีกาให้ พร้อมกันนี้ตนก็ได้ยื่นคำร้องประกอบด้วยว่าขอให้ศาลอาญาให้ความเมตตาให้ประกันตัว แต่ท่านมีความเห็นว่าท่านไม่มีคำสั่ง และส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้สั่ง แต่เนื่องจากวันนี้กว่าจะรู้คำสั่งจากศาลอาญาก็ 4 โมงเย็น พอไปแผนกส่งแฟกซ์เพื่อส่งศาลฎีกาก็หมดเวลาราชการแล้ว เลยต้องส่งวันนี้เช้า (8 ส.ค.)
เมื่อถึงศาลฎีกาแล้วเชื่อว่าจะทราบวันนี้ว่าอนุญาตให้ประกันหรือไม่ ถ้าอนุญาตก็จะให้บริษัท วิริยะประกันภัย เข้าไปทำสัญญาประกันนายสนธิก็กลับบ้านได้ 6 โมงเย็นวันนี้ แต่ถ้าไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องรอจนกว่าจะมีผู้พิพากษาท่านใดท่านหนึ่งรับรองว่านี่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่สมควรสู่การพิจารณาของศาลฎีกา
เมื่อถามว่าหากศาลฎีการับพิจารณาคดีจะใช้เวลานานเท่าไหร่จนกว่าจะสิ้นสุด นายสุวัตรกล่าวว่า อย่างเร็ว 3 ปี อย่างช้า 5 ปี โดยศาลฎีกาจะพิจารณาในประเด็นการกระทำผิดในการกู้เงินมา 5 ครั้งในโครงการเดียวกันนั้นเป็นเจตนาเดียวหรือไม่ หรือเป็นความผิด 5 กรรม ถ้าเจตนาเดียว ความผิดเดียว โทษเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นโทษไม่เกิน 3 ปี จะให้รอลงอาญาหรือไม่ ตนเชื่อว่าศาลฎีกาจะเมตตา และน่าจะใช้ดุลพินิจ เนื่องจากนายสนธิทำเพื่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนานและมีอายุเยอะแล้วด้วย
นายสุวัตรกล่าวด้วยว่า ตนได้นั่งอยู่กับนายสนธิตลอด นายสนธิกำลังใจดี ห่วงเพียงแต่ น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.ยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ซึ่งเป็นลูกน้องและเป็นผู้หญิงด้วย ลำพังตัวนายสนธิเองอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำใจได้แล้ว
“ฝากถึงแฟนๆ เอเอสทีวี พรุ่งนี้ก็รู้แล้วว่าได้ประกันหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ผมก็จะรีบเร่งให้ผู้พิพากษารับรองฎีกามา เมื่อรับรองมาก็ไม่มีเหตุใดที่ศาลฎีกาจะไม่ให้ประกัน หลายคนโพสต์โจมตีศาล ขอความกรุณาอย่าทำ เพราะจะกระทบถึงคุณสนธิด้วย ให้อดทน เมื่อเราประกาศเคารพกฎหมาย เราไม่หนี อะไรจะเกิดขึ้นเราก็ต้องแก้ปัญหา อย่าทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อตุลาการ” นายสุวัตรกล่าวทิ้งท้าย
