xs
xsm
sm
md
lg

“กลุ่มเฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯ” เดินหน้าเก็บแต้มต่อ หลัง “ปธน.อาร์เจนตินา” ยอมเปิดเจรจาเป็นครั้งแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(ซ้าย) พอล ซิงเกอร์ จากบริษัทอีเลียต แมเนจเมนต์  คอร์ป (ขวา) ประธานาธิบดีอาร์เจตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เคิร์ชเนอร์ และ (ล่าง) วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ของอาร์เจนตินาในปี 2001
เอเจนซีส์ - กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ที่มีตราสารอาร์เจนตินาอยู่ในมือ เช่น บริษัทอีเลียต แมเนจเมนต์ คอร์ป และบริษัทออเรอุส แคปปิตอล แอลพี อยู่ในสถานะถือแต้มเหนือกว่าจากคำพิพากษาของศาลสูงสหรัฐฯในวันจันทร์(16) ประกาศให้อาร์เจนตินาต้องจ่ายเงินมูลค่า1.3 พันล้านดอลลาร์เต็มจำนวนตามตราสาร ถึงแม้อาร์เจนตินาอ้างว่ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้กว้านซื้อในราคาเสี้ยวหนึ่งของราคาจริงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจประเทศ และเมื่อวานนี้(18)ประธานาธิบดีอาร์เจตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เคิร์ชเนอร์ ยอมอ่อนข้อรับเปิดเจรจาเป็นครั้งแรก

วอลสตรีท เจอร์นัล สื่อสหรัฐฯรายงานในวันพฤหัสบดี(19)ว่า บริษัทแกรเมอร์ซี ฟันด์ส แมเนจเมนต์ แอล แอลซี (Gramercy Funds Management LLC )ในปีนี้ทำกำไรจากการขายตราสารส่วนใหญ่ของรัฐบาลอาร์เจนตินาที่ซื้อมาในปี 2007 แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับวอลสตรีท เจอร์นัล

ทางบริษัทแกรเทอร์ซีได้ขายไปก่อนที่จะมีการพิพากษาจากศาลสูงสหรัฐฯในวันจันทร์(16)ที่ส่งผลร้ายแรงต่ออาร์เจนตินา โดยศาลสูงสหรัฐฯปฎิเสธที่จะพิจารณาคำขออุทธรณ์ของอาร์เจนตินาที่ถูกสั่งให้ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนแก่เจ้าหนี้ และไม่อนุญาตให้มีการปรับโครงสร้างหนี้หลังจากวิกฤตล้มละลายของประเทศในปี 2001

ส่งผลทำให้ในวันพุธ(18)รัฐบาลอาร์เจนตินาดูมีท่าทีที่อ่อนลง และยอมเปิดโต๊ะเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้เฮดจ์ฟันด์จากสหรัฐฯ

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ทั้งอีเลียต แมเนจเมนต์ คอร์ป (Elliott Management Corp) และออเรอุส แคปปิตอล แมเนจเมน แอลพี (Aurelius Capital Management LP) ที่สามารถทำกำไรจากการลงทุนในอาร์เจนตินา ได้ฟ้องร้องให้อาร์เจนตินาจ่ายคืนเต็มจำนวนมักจะขัดแย้งกับแกรเมอร์ซีเสมอในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ อาร์เจนตินาได้ประกาศที่จะไม่มีการเจรจากับกลุ่มเฮดจ์ฟันด์เจ้าหนี้ และประธานาธิบดีอาร์เจตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เคิร์ชเนอร์ แถลงในวันจันทร์(16)ว่า ความพยายามของเจ้าหนี้เฮดฟันด์สหรัฐฯที่จะบีบให้อาร์เจนตินาต้องจ่ายเงินเปรียบเสมือน “การกรรโชกทรัพย์”

แกรเมอร์ซี ฟันด์ส แมเนจเมนต์ ที่มีฐานอยู่ในกรีนวิช รัฐคอนเนตทิคัต ถือตราสารของอาร์เจนตินามูลค่าอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุดก่อนที่จะได้เทขายออกไป อ้างตามบันทึกของศาล ในขณะที่อีเลียต แมเนจเมนต์ได้ฟ้องรัฐบาลอาร์เจนตินาร่วม 2.5 พันล้านดอลลาร์ และออเรอุส แคปปิตอลได้ฟ้องอีกร่วม1.5 พันล้านดอลลาร์ รายงานจากบันทึกของศาล และพบว่ามีตราสารมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ที่ถือโดยบริษัทเฮดจ์ฟันด์ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลสูงสหรัฐฯ

ซึ่งทำให้เห็นถึงความต่างในกลยุทธของบริษัทเฮดจ์ฟันด์จากอเมริกาแต่ละแห่งที่ได้หาผลประโยชน์ในอาร์เจนตินาที่ได้รับผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก และต้องล้มละลายเมื่อปี 2001จากหนี้ร่วม 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นมูลค่าหนี้รัฐบาลสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ และบริษัทเฮดจ์ฟันด์ต่างชาติที่ได้ไล่กว้านซื้อตราสารอาร์เจนตินาไว้ด้วยราคาที่ถูกได้รอคอยเวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มจำนวน

“ถ้าหากคุณได้ดีลเหมือนอย่างที่อีเลียตกำลังได้รับ คุณสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลมากกว่านั้น แต่ไม่ใช่เช่นว่าได้ซื้อทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่สามารถทำผลกำไรได้เลย” วารัน โกเซน (Varun Gosain )ผู้ก่อตั้งร่วมบริษัทคอนสเตลเลชัน แคปปิตอล แมเนจเมนต์ แอลแอลซี (Constellation Capital Management LLC ) ที่อยู่ในการซื้อขายตราสารอาร์เจนตินานับตั้งแต่ปี 2001 ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ในครั้งนั้นตราสารรัฐบาลอาร์เจนตินาถูกซื้อขายในราคาที่ต่ำมากแค่ 18 เซนต์ต่อราคาเต็ม 1ดอลลาร์ ในช่วงหลังจากเกิดวิกฤตแล้ว

ในวันพุธ(18)ตราสารอาร์เจนตินาที่ครบอายุในปี 2033 ได้เพิ่มขึ้นถึง 75 เซนต์ต่อ 1ดอลลาร์ จากราคา71.5 เซนต์ก่อนหน้านี้ อ้างอิงจากข้อมูลของเทรดเดอร์ โดยตราสารพวกนั้นให้ผลตอบแทนราว 11.9% จากก่อนหน้านี้ 12.6% ในเช้าวันพุธ(18) เป็นเพราะผลตอบแทนของตราสารอยู่ในทิศทางตรงข้ามกับราคาที่อีเลียต แมนเนจเมนต์ และออเรอุส แคปิตอลถืออยู่ในมือมูลเต็มจำนวนที่ 100 เซนต์ต่อ 1 ดอลลาร์รวมถึงดอกเบี้ยทวีคูณที่ค้างจ่ายมานานหลายปี

บริษัทเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งนั้นโดดเด่นอยู่ในโลกของการลงทุนซื้อขายหนี้เน่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก เพราะบริษัททั้งสองแห่งนี้สามารถที่จะลากประเทศที่ล้มละลายทางการเงินและไม่ยอมชำระตราสารหนี้ขึ้นสู่ศาลได้

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีบริษัทลงทุนหลักทรัพย์ในโลกนี้น้อยมากที่จะกล้าเสี่ยงเช่นสองบริษัทนี้ และทำให้เปิดโอกาสให้ทั้งอีเลียตและออเรอุสสามารถช้อนซื้อตราสารรัฐบาลประเทศที่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจในราคาถูกที่เหมือนได้เปล่า ซึ่งการซื้อประเภทนี้ต้องใช้ระยะเวลาในการรอรับผลตอบแทนคืน และส่วนมากไม่สามารถที่จะขอรับได้เต็มมูลค่าตราสาร

อีเลียตแมเนจเมนต์นั้นอยู่ภายใต้การบริหารของพอล ซิงเกอร์ (Paul Singer) โดยทางบริษัทเริ่มซื้อตราสารอาร์เจนตินาในปี 2004 ที่คาดว่าต้องทำเงินให้กับทางบริษัทมากกว่านี้ โดยอาร์เจนตินาได้หว่านล้อมให้ผู้ถือตราสาร76% ในปี 2005 เพื่อแลกกับตราสารหนี้ฉบับใหม่ที่มีมูลค่าน้อยกว่าครึ่งที่ผู้ถือเคยครอบครองอยู่แต่เดิม โดยผู้ถือตราสารมูลค่า 18พันล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงอีเลียตปฎิเสธที่จะทำตาม และทางบริษัทเริ่มฟ้องร้องอาร์เจตินาเพื่อบังคับให้จ่ายหนี้เต็มวงจำนวน

แกรมาซีเข้าสู่ตลาดในปี 2007 ซึ่งบริษัทนี้เป็นของโรเบิร์ต คูนิซแบร์ก (Robert Koenigsberge) ที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลประชานิยมของเคิร์ชเนอร์ และได้ช่วยจัดการในการแลกเปลี่ยนตราสารหนี้ที่เดิมมีมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์เป็นตราสารหนี้ใหม่มูลค่าราว 3 พันล้านดอลลาร์แทน และเป็นอีกครั้งที่อีเลียตได้ถือตราสารไว้เฉกเช่นเดียวกับออเรอุสที่เริ่มซื้อตราสารหนี้อาร์เจนตินาในปี 2007

มาร์ค โบรดสกี (Mark Brodsky) ผู้ก่อตั้งออเรอุสทำงานให้กับอีเลียตนาน 9ปีก่อนที่จะแยกตัวออกมาเปิดบริษัทเองในปี 2005 และปี 2011 โบรดสกีที่เป็นอดีตมือกฏหมายได้ต่อสู้ทางคดีกับรัฐบาลไอริชจากตราสารผิดนัดชำระหนี้ (defaulted bond) ที่เขาถือไว้ในมือจากการซื้อธนาคาร Allied Irish Banks PLC ของไอร์แลนด์ ที่ถือเป็น 1ใน4ยักษ์ใหญ่ของธนาคารพาณิชย์ที่นั่น และได้ถูกรัฐบาลไอร์แลนด์เปลี่ยนให้กลายเป็นธนาคารของรัฐและปรับโครงสร้าง ออเรอุสได้ยอมตกลงหลังจากการใต่สวนผ่านไป 2 สัปดาห์ และไม่ปรากฎชัดว่าทางออเรอุสสามารถทำกำไรได้หรือไม่

คำพิพากษาในวันจันทร์(16)ถือเป็ยชัยชนะของทั้งซิงเกอร์และโบรดสกี แต่พวกเขายังจิบแชมเปญจ์ไม่ได้จนกว่าอาร์เจนตินาจะได้ตกลงจ่ายคืนหนี้ให้ครบตามสัญญา แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเผยตบท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น