รอยเตอร์ - ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เผยว่า กลุ่มกบฏมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้ส่งร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งเขตปกครองตนเองฉบับสุดท้าย ตามที่ฝ่ายกบฏและรัฐบาลมะนิลาได้ตกลงกัน ให้แก่ผู้นำแดนตากาล็อกอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันลงนามข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 5 ทศวรรษ บนเกาะมินดาเนาทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากร แต่ความหวังที่จะเกิดสันติภาพอันยั่งยืนกลับเริ่มเป็นที่กังขากันในเดือนนี้ เมื่อกบฏกลุ่มนี้ออกมากล่าวหาว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ผิดสัญญาที่เคยตกลงว่าจะพิจารณาร่างกฎหมายให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาตั้งแต่ภายในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทว่า การเจรจาเป็นเวลา 10 วันก็ยังสามารถกอบกู้การทำข้อตกลงไม่ให้พังไม่เป็นท่า โดยกลุ่ม “แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร” (เอ็มไอแอลเอฟ) ได้ตกลงที่จะยอมสลายตัว และสร้างชุมชนขึ้นมาใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับอำนาจในการควบคุมเศรษฐกิจและสังคมในเขตปกครองตนเอง บังซาโมโร
บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น บริษัทผู้ผลิตอาหาร เดล เมนเต แปซิฟิก ลิมิเต็ด ซึ่งมีไร่สับปะรดบนเกาะมินดาเนา กล่าวว่า พวกเขากำลังพิจารณาจะขยายกิจการภายหลังการบรรลุข้อตกลง แต่ส่วนใหญ่ยังสงวนท่าทีจนกว่าจะมีสัญญาณแน่ชัดว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์จะสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับกบฏมุสลิมได้จริง
เตเรซิตา กินตอส เดเลส ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน แห่งฟิลิปปินส์ ระบุในข้อความที่ถูกเผยแพร่วันนี้ (21) ว่า “ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน เอ็มไอแอลเอฟได้ส่งร่างกฎหมายพื้นฐานของเขตปกครองตนเองบังซาโมโร ไปยังสำนักเลขาธิการฝ่ายบริหาร เมื่อเย็นวานนี้ (20)”
เธอกล่าวว่า “ร่างกฎหมายฉบับล่าสุดได้ถูกส่งไปให้ประธานาธิบดีทบทวน เพื่อให้มีการตกลงเห็นชอบกันในขั้นตอนต่อไป และอาจจะมีการจัดการหารือในภายหลัง ตามคำแนะนำสั่งของประธานาธิบดี”
เหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ของแดนตากาล็อกได้ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตแล้วกว่า 120,000 คน และทำให้ชาวฟิลิปปินส์ละทิ้งบ้านเรือนหนีภัยสู้รบถึง 2 ล้านคน ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ยากจน ซึ่งเป็นแหล่งแร่่ธาตุ น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติแห่งนี้ต้องสะดุดหยุดชะงัก
ประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน แห่งฟิลิปปินส์ ให้คำมั่นสัญญากับกลุ่มกบฏอย่างแข็งขันว่า จะจัดตั้งรัฐบาลปกครองตนเองชุดใหม่ ภายในเดือนมกราคม ปี 2015 และเขาได้ขอให้สมาชิกรัฐสภาฟิลิปปินส์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสต์ศาสนิกชนเร่งผ่านกฎหมายพื้นฐานฉบับนี้ออกมาโดยเร็ว